Wed. Apr 24th, 2024
เทรนด์ท่องเที่ยว

เทรนด์ท่องเที่ยวปี 2023 ‘ทวงคืนความสุข’
Reunion & Meaningful Travel

องค์กรด้านการท่องเที่ยวทั่วโลกต่างเปิดเผย ‘Travel Trends 2023’ กันแล้ว เหล่าผู้ประกอบการท่องเที่ยวและโรงแรมต้องโฟกัสให้ชัด จับเทรนด์การท่องเที่ยวเหล่านี้นำไปต่อยอดพัฒนาสินค้าและบริการให้มั่น

แจกแจงเลยแล้วกันว่ามีเทรนด์ไหนน่าสนใจบ้าง เริ่มจากกระแส ‘Reunion’ กลับมาพบปะสังสรรค์กันใหม่อีกครั้ง หลังจากวิกฤติโควิด-19 พรากโอกาสการเดินทางท่องเที่ยวมานานกว่า 2 ปี

แม้ว่าเทรนด์การท่องเที่ยวแบบฉายเดี่ยว ‘Solo’ จะยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยม แต่ล่าสุดทาง Klook แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซด้านการเดินทางท่องเที่ยวชั้นนำ เปิดเผยว่า จากผลวิจัยล่าสุดของ Klook แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเอเชียแปซิฟิก โดย 7 ใน 10 ต้องการเดินทางท่องเที่ยวกับเพื่อน มากกว่าเที่ยวคนเดียว มีเพียง 30% เท่านั้นที่ยังสนใจเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว

ผลวิจัยนี้สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงของนักท่องเที่ยว โดนก่อนหน้าการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีผลสำรวจที่ชี้ให้เห็นว่านักท่องเที่ยวกลุ่มมิลเลนเนียลถึง 79% สนใจเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว สะท้อนให้เห็นว่าการท่องเที่ยวในช่วงยุคหลังโควิด-19 นั้น นักท่องเที่ยว ‘โหยหาการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน’ จากการท่องเที่ยว

คุณวิลเฟร็ด ฟาน ประธานเจ้าหน้าที่การพาณิชย์ Klook Technology (Thailand) Company Limited กล่าวถึงผลสำรวจนี้ว่า “ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาหลังโควิด-19 ระบาด เราพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายที่ทำให้นักท่องเที่ยวจัดลำดับความสำคัญและความต้องการใหม่ การท่องเที่ยวในปัจจุบันไม่ได้ทำหน้าที่แค่ให้ผู้คนได้พักผ่อนเท่านั้น แต่การท่องเที่ยวยัง ‘นำเอาความสุขกลับคืนมา’ และสร้างความเชื่อมโยงระหว่างตัวนักท่องเที่ยวกับคนที่เขารักอีกครั้ง”

อีกเทรนด์สำคัญที่อยากแนะนำ คือ ‘Meaningful Travel’ สร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีความหมาย ดีต่อชีวิต ดีต่อใจ และดีต่อสังคมกับผู้คนรอบข้าง เหมาะกับการเจาะกลุ่ม ‘ท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ’ (Responsible Tourism) และชื่นชอบการสัมผัสประสบการณ์ ‘ท่องเที่ยวแบบคนในท้องถิ่น’ (Travel like A Local) เทรนด์นี้กำลังได้รับความนิยมในตลาดกลุ่มสแกนดิเนเวียน บางคนชอบไปปลูกป่า ชอบทำกิจกรรมในชุมชน หวังสัมผัสประสบการณ์ ‘ท่องเที่ยวแบบเข้าถึงของแท้’ (Authentic Experience)

นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงไปถึงเทรนด์ใหญ่ ‘Sustainable Travel’ หรือ การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ล่าสุด คุณยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า สำหรับปี 2023 ที่กำลังจะมาถึงจะเป็นปีแห่งการเริ่มต้นและพลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดย ททท. กำหนดทิศทางการตลาดให้สอดคล้องกับแผนวิสาหกิจองค์กร ททท. ตั้งแต่ปี 2023 – 2027 ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘ททท. เป็นผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยในการสร้างประสบการณ์ทรงคุณค่ามุ่งสู่ความยั่งยืน’ เตรียมยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูในทุกมิติ ตามวัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์หลัก 3 เรื่อง ได้แก่

1. Drive Demand มุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน

2. Shape Supply สร้างคุณค่าและยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ผ่านการสร้างระบบนิเวศด้านการท่องเที่ยวใหม่

3. Thrive for Excellence ยกระดับองค์กรสู่องค์กรสมรรถนะสูง มุ่งสู่การเป็น Data Driven Organization เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการตลาด สู่หมุดหมายของการพัฒนาการท่องเที่ยวไทยเปลี่ยนผ่านสู่ ‘High Value & Sustainable Tourism’ อย่างแท้จริง

คุณลอรา โฮลด์สเวิร์ธ กรรมการผู้จัดการ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Booking.com บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับการเดินทางระดับโลก กล่าวว่า บทบาทของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนจะทวีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต โดยจากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นการเดินทาง (Booking.com Travel Confidence Index) ซึ่งเป็นการรวมผลสำรวจข้อมูลความคิดเห็นของผู้เดินทางจำนวน 11,000 คนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยเฉพาะ ครอบคลุม 11 ประเทศสำคัญ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี นิวซีแลนด์ ไต้หวัน และเวียดนาม ชี้ว่า กระแส ‘การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน’ กำลังมาแรง !!!

ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 4 จาก 11 ตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดย 63% ของคนไทยมีความตั้งใจที่จะท่องเที่ยวแบบยั่งยืนมากขึ้น เมื่อเทียบกับแนวโน้มโดยรวมของตลาดซึ่งอยู่ที่ 52% โดยพวกเขากล่าวว่ายินดีที่จะเพิ่มค่าใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน นอกจากนี้ 57% ของคนไทยเข้าใจและยอมรับได้หากจะมีตัวเลือกที่พักให้เลือกน้อยลง ตราบใดที่ตัวเลือกที่พักเหล่านั้นมีนโยบายที่สนับสนุนความยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริง

อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวชาวไทยยังมีข้อกังวลหลายประการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ได้แก่

  • ค่าใช้จ่ายที่สูงในการเข้าถึงการเดินทางแบบยั่งยืน (66%)
  • ข้อจำกัดในการเข้าถึงตัวเลือกการเดินทางแบบยั่งยืนในขณะออกเดินทาง (60%)
  • ตัวเลือกด้านการเดินทางแบบยั่งยืนยังขาดความชัดเจน (59%)

ด้านผลวิจัยล่าสุดของ Klook ระบุว่า 72% ของนักท่องเที่ยวไทยต้องการออกเดินทางเพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นรวมถึงสัมผัสกับธรรมชาติอันสวยงามจากการท่องเที่ยวด้วย

สอดรับกับเทรนด์มาแรงแห่งปี ‘Reconnect With Nature’ ทาง คุณอมันพรีท บาจาจ ผู้จัดการทั่วไป ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย ฮ่องกง และไต้หวัน ของ Airbnb กล่าวถึงเทรนด์นี้ว่า นักท่องเที่ยวต่างมุ่งตรงสู่การสัมผัสกับ ‘สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ’ ของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่พักผ่อนริมชายหาดไป จนถึงบ้านต้นไม้อันเขียวชอุ่มและบ้านที่สร้างด้วยดินซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ทาง Airbnb จึงร่วมมือกับ ททท. ตั้งเป้าจุดประกายความสำคัญให้กับจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักแต่ก็สวยงามไม่แพ้กัน ผ่านการเข้าพักในแหล่งธรรมชาติอันหลากหลายที่มีให้เลือกสรรบน Airbnb ซึ่งที่พักที่ได้รับการรับรองแล้วเหล่านี้จะเปิดโอกาสให้นักเดินทางได้เพลิดเพลินกับอีกด้านหนึ่งของประเทศไทย และสามารถสำรวจทิวทัศน์อันงดงามของแม่น้ำ ทะเล อุทยานแห่งชาติ และชุมชนท้องถิ่นของประเทศได้ด้วยวิธีที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมได้เป็นอย่างดี

ขอบคุณภาพโดย

Trekking photo created by tawatchai07 – Freepik.com

Sasin Tipchai from Pixabay

Leave a Reply

Or

Your email address will not be published. Required fields are marked *