Thu. May 2nd, 2024
เมกะโปรเจ็กต์ “สิงห์ปาร์ค” เทพันล้านปั้น โรงแรมหรู 6 ดาว

เมกะโปรเจ็กต์ “สิงห์ปาร์ค” เทพันล้านปั้น โรงแรมหรู 6 ดาว

“สิงห์ปาร์ค” ธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ในเครือ “สิงห์” หรือเดิมทีเรียกว่า ไร่บุญรอด ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางเกษตรนิเวศ ไปจนถึงสถานที่จัดเทศกาลดนตรี อาหาร กีฬา ฯลฯ

“พงษ์รัตน์ เหลืองธำรงเจริญ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด เล่าถึงแนวทางของสิงห์ปาร์คต่อจากนี้ว่า ยังมีโอกาสอีกมากที่จะสร้างทราฟฟิกเพิ่มขึ้น เพราะที่ผ่านมาฤดูการท่องเที่ยวเชียงรายมีไฮซีซั่นอยู่แค่ช่วงปลายปี-ต้นปี แต่ช่วงกลาง ๆ ปี หรือฤดูฝน เป็นช่วงโลว์ซีซั่น

โดยปีนี้เตรียมที่จะจัดงาน “ไตรกีฬา” ขึ้นในช่วงกลางปี พร้อมกับพัฒนาแหล่งน้ำใหม่จำนวน 300 ไร่ รองรับกิจกรรมทางน้ำที่ได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของการเป็นแหล่งท่องเที่ยวแนวสปอร์ตให้ชัดเจนมากขึ้น เสริมกับกิจกรรมไฮไลต์ของสิงห์ปาร์คที่จัดขึ้นเกือบทุกปีอย่างเทศกาลอาหาร ดนตรี “Farm Festival” และงานบอลลูนนานาชาติ ที่เพิ่งผ่านไปในช่วงวาเลนไทน์อย่าง “สิงห์ปาร์ค เชียงราย อินเตอร์เนชั่นแนล บอลลูน เฟียสต้า 2019” ซึ่งจะถูกต่อยอดให้เป็น Love Destination ระดับประเทศ

ไม่เพียงเท่านั้น ภายใต้พื้นที่ 8,000 ไร่ของสิงห์ปาร์ค ที่ปัจจุบันถูกใช้ไปเพียง 3,000 ไร่ ยังเตรียมที่จะมีโปรเจ็กต์ขนาดยักษ์เกิดขึ้นอีกในปีหน้า นั่นก็คือการสร้างโรงแรมระดับ 6 ดาว รองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มไฮเอนด์ และโรงแรมสำหรับครอบครัว หรือกลุ่มคนที่ชื่นชอบการเล่นกีฬา ภายใต้การลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนคอนเซ็ปต์อื่น ๆ นั้นยังอยู่ระหว่างพูดคุย

แม้จะเป็นการทำธุรกิจโรงแรมเอง แต่ “พงษ์รัตน์” ก็ยังย้ำเสมอว่า นโยบายของ คุณสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด จะไม่ทำอะไรที่ไปกระทบกับโอกาสของคนในพื้นที่ ซึ่งโรงแรมระดับ 6 ดาว ก็ถือว่ามีกลุ่มทาร์เก็ตที่แตกต่างออกไป หรือการจัดงานอีเวนต์ต่าง ๆ ก็ดี ในช่วงปีใหม่ ซึ่งเป็นไฮซีซั่นอยู่แล้วก็เลี่ยงการจัดออกไปในช่วงอื่นที่ไม่ค่อยมีใครจัดกัน อย่างไรก็ตาม จะมีอีเวนต์ที่สร้างสีสันจัดขึ้นทุกเดือน และอีเวนต์ขนาดใหญ่ทุก ๆ ไตรมาส

ส่วนในด้านของธุรกิจชาเขียวที่เป็นอีกขาของรายได้สิงห์ปาร์ค ที่เกิดจากการร่วมทุนกับ “มารุเซ็น ที เจแปน” จัดตั้งบริษัท มารุเซ็น ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เพื่อผลิตชาเขียวป้อนธุรกิจฟู้ดเซอร์วิส ทั้งร้านอาหาร เบเกอรี่ เครื่องดื่ม ตลอดจนเชนไอศกรีมชื่อดังอย่างสเวนเซ่น ซึ่งจุดเด่นของตลาดนี้ก็คือ การเป็นตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากร้านอาหารญี่ปุ่น รวมถึงร้านเบเกอรี่ ร้านกาแฟ ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยที่แต่ละแห่งก็ต้องการใช้วัตถุดิบคุณภาพ ซึ่งแต่เดิมต้องสั่งนำเข้ามา ก็สามารถซื้อจากบริษัทได้ในราคาที่ถูกกว่าประมาณ 30% เนื่องจากไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า

แม้แบรนด์มารุเซ็นจะเน้นการเจาะตลาดฟู้ดเซอร์วิสเป็นหลักถึง 70% แต่ก็มีสินค้าที่วางขายผ่านช่องทางค้าปลีก ทั้งชาเขียวชงเย็น เชคกุ เชคกุ หรือชาเขียวมัทฉะ ชนิดผง เป็นต้น

“พงษ์รัตน์” ระบุเพิ่มเติมว่า ยังมีธุรกิจชาภายใต้แบรนด์บุญรอดฟาร์ม ที่เร็ว ๆ นี้จะเปลี่ยนชื่อเป็นสิงห์ปาร์ค เน้นทำตลาดแบบ B2C (Business to Consumer) และปรับคอนเซ็ปต์การสื่อสารใหม่ โดยมีโจทย์คือการดื่มในโอกาสที่แตกต่างกันไป ผ่านการออกชาซีรีส์ใหม่ 5 รายการ เช่น ชาสำหรับดื่มตอนเช้า ชาสำหรับดื่มเรียกน้ำย่อย ฯลฯ

รวมถึงการออกเครื่องดื่มชาแบบใหม่ “ไนโตร โคล์ดบรู ที” ซึ่งใช้วิธีเดียวกันกับกาแฟ ไนโตร โคล์ดบรู เจาะเซ็กเมนต์คนดื่มชาเพื่อสุขภาพ และสร้างสีสันให้กับตลาดและผู้บริโภค มีแคลอรีต่ำ โดยใช้ความหวานจากหญ้าหวานทดแทน เบื้องต้นวางขายภายในงานเทศกาลบอลลูนที่สิงห์ปาร์ค ก่อนจะนำไปจำหน่ายในร้านกาแฟ หรือร้านรูปแบบอื่น ๆ ต่อไป

ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนการเปิดร้านชาภายใต้แบรนด์ “สิงห์ ปาร์ค คาเฟ่” โดยการจับมือกับบริษัทยูเรก้า คอฟฟี่ แอนด์ โรสเตอร์ จำกัด เจ้าของร้านกาแฟ และชานมไข่มุก “ยูเรก้า คอฟฟี่ ไนโตร” ซึ่งจะช่วยพัฒนาคอนเซ็ปต์ของร้านให้ คาดว่าจะเปิดได้ภายใน 3 เดือนหลังจากนี้ โดยสาขาแรกจะตั้งอยู่ที่ตึกสิงห์ คอมเพล็กซ์

ในปีที่ผ่านมาสิงห์ปาร์คมีรายได้อยู่ที่ 400 ล้านบาท มีทราฟฟิกคนเข้ามาตลอดทั้งปีประมาณ 2 ล้านคน โดยในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา มีการลงทุนไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ก็ยังคงเดิม คือการเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจของเชียงรายให้ดีขึ้นต่อไป โดยที่ธุรกิจก็ต้องเติบโต และเลี้ยงตัวเองได้เช่นกัน


ขอบคุณข้อมูลจาก : www.prachachat.net วันที่ 20 ก.พ. 62
www.prachachat.net/marketing/news-292562

Leave a Reply

Or

Your email address will not be published. Required fields are marked *