Wed. Apr 24th, 2024
ท่องเที่ยว

เช็กสภาพ ‘ท่องเที่ยว’ เครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยปี 2566

กูรูด้านเศรษฐกิจและการเงินหลากสำนักต่างประเมินในทิศทางค่อนข้างตรงกันถึงแนวโน้ม ‘เศรษฐกิจไทย’ ในปี 2566 ว่าจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก เข้าสู่ภาวะ ‘เศรษฐกิจถดถอย’ (Global Recession) ซึ่งจะเริ่มรุนแรงและชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 ต่อเนื่องจนถึงปี 2566

คุณกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยในครั้งนี้ถือว่ารุนแรง! นับเป็นการเกิดขึ้นครั้งที่ 5 ในรอบ 50 ปี เห็นได้จากสัญญาณเตือนปัญหาเศรษฐกิจ เช่น การเริ่มปลดพนักงานของบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรป ขณะที่ประเทศเกิดใหม่ (Emerging Marketing) หลายประเทศประสบปัญหาเศรษฐกิจและการเงิน จนต้องขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

หากพิจารณาแต่ละเครื่องยนต์ของเศรษฐกิจไทยในปี 2566 จะเป็นปีที่เครื่องยนต์ ‘ภาคการส่งออก’ ไม่ได้ดีเหมือนกับปี 2564-2565 เนื่องจากประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป และจีน ต่างมีปัญหาเศรษฐกิจ แต่เครื่องยนต์สำคัญที่จะมาช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยในช่วงภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย คือ ‘ภาคการท่องเที่ยว’ กับ ‘ภาคการลงทุน’ ซึ่งมีทิศทางดีอย่างชัดเจน!

โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว คาดการณ์ว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย 20-25 ล้านคน ฟื้นตัวดีขึ้นจากปี 2565 ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ล้านคน นับเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้น

ด้านภาคการลงทุน เศรษฐกิจไทยจะได้อานิสงส์จากการเคลื่อนย้ายการลงทุนจากต่างชาติเข้ามาในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น ตัวเลือกการย้ายฐานการลงทุนของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ยังคงเป็นไทยและเวียดนาม เห็นได้จากบริษัท BYD รถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่จากประเทศจีน ตัดสินใจเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย ลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของบริษัท WHA ในจังหวัดระยอง สะท้อนศักยภาพของประเทศไทยว่ายังมีโอกาสดึงเงินลงทุนทางตรง (FDI) อีกมากจากต่างประเทศ

“มองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2566 จะยังสามารถขยายตัวได้ในระดับไม่น้อยกว่า 3% โดยเป็นการขยายตัวต่อเนื่องได้ในช่วงที่หลายประเทศจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย”

อย่างไรก็ตาม อีกปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างยิ่งในปี 2566 คือ ประเทศไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทาง ‘การเมือง’ ซึ่งกำลังจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น อาจส่งผลกระทบเรื่องความต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจซึ่งน่ากังวลใจ แต่ก็ต้องคาดหวังว่าหลาย ๆ หน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ เช่น กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย จะกำกับดูแลเศรษฐกิจไปในทิศทางที่ควรจะเป็น

คุณยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ภาคท่องเที่ยวไทยปี 2566 ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายเรื่อง โดยเฉพาะภาวะ ‘เศรษฐกิจถดถอย’ ภาวะ ‘เงินเฟ้อ’ วิกฤติค่าครองชีพ ค่าเดินทางแพงจากปัจจัยราคาน้ำมันสูง ประกอบกับเข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซัน) ตั้งแต่เดือนมีนาคมปีหน้า และไม่มีการอัดอั้นการเดินทางเหมือนในปี 2565 ต้องแข่งกับทุกประเทศที่ต่างเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มรูปแบบกันมากขึ้น หลังจากวิกฤติโควิด-19 คลี่คลาย

“ททท. ตั้งเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 20 ล้านคน หนุนเป้ารายได้รวม 2.38 ล้านล้านบาท คิดเป็นการฟื้นตัว 80% ของปี 2562 ที่มีรายได้รวมจากทั้งตลาดนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ 3 ล้านล้านบาท”

เป้าหมายใหญ่ดังกล่าว มาจากการมุ่งผลักดันให้มีจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศกลับมาให้ได้ 80% ของปี 2562 และมีอัตราขนส่งผู้โดยสารที่ 90% ของปริมาณที่นั่งโดยสาร

โดยแต่ละเที่ยวบินที่ตัดสินใจกลับมาทำการบินนั้น ทางผู้ประกอบการสายการบินต้องมั่นใจว่าจะมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร 80% ของปริมาณที่นั่งโดยสารอยู่แล้ว แต่ถ้ามีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารไม่ถึง 90% ทาง ททท. จะช่วยสนับสนุนเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายดังกล่าว เช่น เที่ยวบินนั้น ๆ มียอดจองตั๋วโดยสารแล้ว 80% ยังขาดอีก 10% ททท. ก็จะเข้าไปช่วยในส่วนที่เหลือ

“ด้านสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนและรัสเซีย ททท. มองว่าเป็นตลาดที่จะมาเพิ่มจากเป้าหมาย 20 ล้านคนในปี 2566 เพราะปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2565) ยังไม่มีความชัดเจนว่ารัฐบาลจีนจะอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเมื่อไร”

ขณะที่ภาพรวมภาคท่องเที่ยวไทยปี 2565 ททท. ประเมินว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน หลังจากวิกฤติโควิด-19 กระทบต่อการเดินทาง นักท่องเที่ยวอัดอั้นไม่ได้เดินทางมา 3 ปี จึงเห็นว่ามีความต้องการเดินทางสูงมาก

แต่ถ้าดูในเชิง ‘รายได้รวม’ จากทั้งตลาดในและต่างประเทศ ประเมินว่ายังต่ำกว่าเป้าหมายที่ ททท. กำหนดไว้เมื่อต้นปี 2565 ที่ 1.5 ล้านล้านบาท ล่าสุด (ข้อมูลเดือนพฤศจิกายน 2565) คาดการณ์ว่ารายได้รวมอาจจะอยู่ที่ 1.33 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ 731,774 ล้านบาท และรายได้จากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 600,000 ล้านบาท

“ยังต้องลุ้นว่ารายได้รวมจะเป็นไปตามเป้าหมาย 1.5 ล้านล้านบาทหรือไม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าในช่วงเดือนธันวาคม 2565 นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามา จะพักในไทยนานขึ้น และใช้เงินมากขึ้นแค่ไหน”

ขอบคุณภาพโดย : JESHOOTS.COM on UNSPLASH

Leave a Reply

Or

Your email address will not be published. Required fields are marked *