กลายเป็นที่จับจ้องของทุกสายตากับโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค โครงการมิกซ์ยูส มูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท โดยการร่วมทุนของ 2 บิ๊กธุรกิจ “เซ็นทรัล” กับเจ้าของเดิม “ดุสิตธานี” ที่ตั้งเป้าจะพลิกโฉม กรุงเทพมหานครใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปท์ Here For Bangkok ด้วยการผสมผสาน การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูสครบวงจร ทั้งรีเทล ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงานและโรงแรม ตอบทุกโจทย์วิถีคนเมืองในยุคปัจจุบันและอนาคต
ฉะนั้นหลังปิดฉากตำนานโรงแรมดุสิตธานีกรุงเทพ ซึ่งบุกเบิกโดยท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย เมื่อ 50 ปีไปตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2562 แต่ตัวตนของดุสิตธานีมิได้หายไปไหน โรงแรมแห่งใหม่ยังใช้ชื่อดุสิตธานีและคงเอกลักษณ์หลายอย่างเอาไว้
ตอกย้ำเป็น Super CBD
วันที่ 1 เมษายน 2562 ทั้ง “ซีพีเอ็น” ของตระกูลจิราธิวัฒน์ทุนใหม่และเจ้าของเดิมดุสิตธานี ได้ร่วมกันจัดงานเปิดตัวโฉมใหม่ของโครงการเป็นครั้งแรก โดยตั้งเป้าว่าจะปลุกพื้นที่ 23 ไร่หัวมุมถนนสีลมให้เป็น Super Core CBD โดยการต่อจิกซอว์เชื่อมโยงกับย่านธุรกิจ 4 ทิศรอบด้านทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก เชื่อมโยงวัฒนธรรมของย่านเก่าาที่มีเอกลักษณ์เยาวราช เจริญกรุง ศูนย์กลางการเงินอย่างสีลม ย่านคอมเมอร์เชียลอย่างสุขุมวิท เซ็นทรัลเวิล์ด มีรถไฟฟ้า 2 สาย MRT และBTS เป็นตัวเชื่อม และยังยึดปอดใหญ่ของคนกรุงสวนลุมพินีเป็นแม่เหล็ก ทำให้เกิด The New Junction
ขณะที่เอกลักษณ์ของตำนานโรงแรมเก่าจะถูกนำมาตกแต่งในโรงแรมแห่งใหม่ด้วยเช่นกัน จากแบบโครงการที่นำมาพรีเซ็นต์อย่างเป็นทางการ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 เมษายน ทำให้เห็นภาพเค้าลางของ โรงแรมดุสิตธานีโฉมใหม่ที่ยังคงเอกลักษณ์เดิมซ่อนไว้ เน้นความทันสมัย แต่ไม่ละทิ้งตัวตนเดิม
ก่อนหน้านั้นฝ่ายบริหารดุสิตธานีเคยระบุว่า 7 เอกลักษณ์ที่จะถูกนำไปปรากฏในโครงการใหม่ ประกอบด้วย
1. ยอดเสาสีทอง
2. น้ำตกและต้นไม้
3. ล็อบบี้
4. ห้องไลบรารี่
5. ห้องไทยเฮอร์ริเทจ สวีท
6. เปลือกอาคารทองเหลืองและ
7. ห้องอาหารไทยเบญจรงค์
ต้นไม้ (ลีลาวดี) บริเวณน้ำตกคือความทรงจำที่ท่านผู้หญิงชนัตถ์ปลูกเองกับมือตั้งแต่เริ่มสร้างโรงแรมจึงต้องอนุบาลอย่างดีเพื่อนำกลับมาปลูกใหม่แม้จะแพงแค่ไหนก็ยอมจ่าย ห้องอาหารไทยเบญจรงค์ เฟอร์นิเจอร์ รายละเอียดต่าง ๆ ในห้องนี้ต้องถอดออกแล้วไปเก็บรักษาอย่างดีเพื่อนำกลับเปิดบริการใหม่อีกครั้ง ให้เหมือนเดิมทุกประการ
รวมถึงเสาหลัก 2 ต้น หรือเสาเอก ที่เคยตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องอาหารเบญจรงค์ ซึ่งมีความสำคัญ ตรงตัวเสามีการเพ้นท์ลวดลายจิตรกรรมไทยผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ของ “ท่านกูฏ” อาจาร์ย ไพบูลย์ สุวรรณกูฏ ซึ่งควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ แม้การรื้อถอนจะยากลำบาก ก็ต้องรักษาไว้ เพราะสิ่งเหล่านี้แสดงความเป็นตัวตนของดุสิตธานีและความผูกพันทางจิตใจของเจ้าของและคนไทย
โฉมใหม่ เค้าลางเดิม
ดังนั้นรูปโฉมโครงการใหม่จึงเริ่มเห็นเค้าลางของเอกลักษณ์เดิมที่ชัดขึ้น โดยเฉพาะเอกลักษณ์ ยอดชฏาเสาสีทอง ที่แรงบันดาลใจจากพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามฯ ถูกนำกลับมาออกแบบใหม่บนชั้นดาดฟ้า แต่ถูกดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัยกลายเป็นจุดชมวิวบนยอดสูงของอาคาร พร้อมยังจัดพื้นที่สำหรับการแสดงแกลอรี่แบบดิจิตอล มีร้านอาหารกับรูฟท้อบบาร์รอบ ๆ ฐานชฎา
Sky Box จุดเด่น ที่สามารถให้คนเดินชม บรรยากาศไปพร้อมกับการชื่มชมศิลปะของโรงแรม น้ำตกและต้นไม้ ล็อบบี้ ของเดิมก็จะถูกนำมาตกแต่งอยู่ในโครงการใหม่เปลือกอาคารทองเหลือง ที่จะโดดเด่นอยู่ในดุสิตธานีโฉมใหม่ที่ได้รับการออกแบบตกแต่งส่วนนอกของอาคาร ห้องพักเป็นกระจกทั้งหมด เพื่อให้มองเห็นวิวของสวนลุมพินีได้เต็มตา ทุกอาคารจะเห็นสวนลุมพินีในมุมมอง 180 องศา ทั้งยังเชื่อม สวนลุมกับ Rooftop Park พื้นที่สีเขียวเข้ากับชีวิตคนเมืองยุคใหม่
โรงแรมดุสิตธานีโฉมใหม่ ยังเป็นแฟล็กชิพของโรงแรมในเครือ เป็นโรงแรมที่ทันสมัย ส่วนจะกลับมาผงาดในวงการเพื่อสร้างตำนานบทใหม่ได้หรือไม่ ปี 2566 มีคำตอบ
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.thansettakij.com วันที่ 8 เม.ย. 62
www.thansettakij.com/content/398932