คนโรงแรมได้กลับมาเฮอีกครั้ง! เมื่อรัฐบาลประกาศกลับมาเปิดระบบลงทะเบียนรับ นักท่องเที่ยวประเภท Test & Go จาก ‘ทุกประเทศ’
พร้อมเพิ่มพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวอีก 3 พื้นที่ ได้แก่ จ.ชลบุรี (อ.บางละมุง เมืองพัทยา อ.ศรีราชา อ.เกาะสีชัง อ.สัตหีบ เฉพาะ ต.นาจอมเทียน และ ต.บางเสร่) จ.ตราด (เกาะช้าง) และพื้นที่ให้เดินทางเชื่อมโยงในกลุ่มพื้นที่ 4 จังหวัดทะเลใต้ ครอบคลุม จ.ภูเก็ต จ.กระบี่ จ.พังงา และ จ.สุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า) เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา
เหมือน ‘ต่อลมหายใจ’ ช่วยผู้ประกอบการโรงแรมและพนักงานให้พ้นปากเหวจากวิกฤตโควิด! เพราะในสถานการณ์ปกติ ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติถือเป็นรายได้หลักของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลัก 6 – 7 จังหวัด หลังจากรัฐบาลจำเป็นต้องระงับการลงทะเบียนรับนักท่องเที่ยวประเภท Test & Go รายใหม่มานานกว่า 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2564 เพื่อสกัดการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดการณ์สถานการณ์ตลาดในประเทศและต่างประเทศ ช่วงไตรมาส 1 ปี 2565 ว่า ตลาดต่างประเทศจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือน 338,645 คน เพิ่มขึ้น 1,579% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งยังคงเผชิญวิกฤตโควิด-19 เช่นกัน ส่วนรายได้คาดการณ์อยู่ที่ 26,065 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,062% เนื่องจากมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น หากคงมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับตลาดหลักของไทยมีการยกระดับมาตรการเดินทางกลับเข้าประเทศ
ส่วนตลาดในประเทศช่วงไตรมาส 1 คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนคนไทยออกท่องเที่ยว 27.10 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 58% สร้างรายได้ 137,712 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% โดยมีทิศทางการเติบโตดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ได้ปัจจัยหนุนจากการที่ ‘คนไทยพร้อมเที่ยว’ หลังได้รับวัคซีน มีโครงการกระตุ้นจากภาครัฐ ‘เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4’ อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยที่น่ากังวล คือ เรื่องเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว!
คุณพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ประเมินว่าเมื่อสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภท Test & Go ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป จะช่วยผลักดันนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยปี 2565 จำนวน 7 – 8 ล้านคน ส่วนใหญ่มาจากตลาดสหรัฐและยุโรป ประมาณ 5 ล้านคน ส่วนอีกราว 2 ล้านคนเป็นนักท่องเที่ยวจากตลาดรัสเซียและอินเดีย ทำให้มีรายได้จากตลาดต่างประเทศราว 4.8 แสนล้านบาท
หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายจนทางการจีนวางใจ อนุญาตให้นักท่องเที่ยวจีนออกเดินทางมาเที่ยวไทยในช่วงกลางปี 2565 เป็นต้นไป ก็น่าจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นเป็น 9 ล้านคน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สถานการณ์ปัจจุบันยังคงเต็มไปด้วย ‘ความไม่แน่นอน’ และไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่ารัฐบาลจีนจะไฟเขียวให้นักท่องเที่ยวแดนมังกรออกนอกประเทศได้เมื่อไร
อีกเงื่อนไขสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสฟื้นยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ถึง 15 ล้านคน คือ ประเทศไทยสามารถเปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยวเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา
ด้านตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ตั้งเป้าหมายที่จะเห็น ‘ไทยเที่ยวไทย’ จำนวน 160 ล้านคน-ครั้ง สามารถสร้างรายได้ประมาณ 8 แสนล้านบาท
“หากจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นไปตามเป้าหมายที่กระทรวงฯ วางไว้ว่า จะมีชาวต่างชาติมาเที่ยว 7 – 8 ล้านคน คนไทยเที่ยวในประเทศ 160 ล้านคน-ครั้ง คาดว่าจะทำให้ประเทศไทยมีรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท และมีโอกาสแตะ 1.8 ล้านล้านบาท หากสถานการณ์ต่าง ๆ เป็นใจให้ได้นักท่องเที่ยวต่างชาติ 15 ล้านคน” คุณพิพัฒน์กล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลเองก็เพิ่งประกาศข่าวดีเกี่ยวกับการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ นั่นคือการเริ่มดำเนินโครงการ ‘เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4’ มาเป็นขวัญกำลังใจแก่ชาวโรงแรมกันอีกหน หลังจากต้องรอสถานการณ์ระบาดของโอมิครอนคลี่คลายจนอยู่ในระดับที่กระทรวงสาธารณสุขควบคุมได้
โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติจำนวนสิทธิใหม่ 2 ล้านสิทธิ (ห้อง) กรอบวงเงิน 9,000 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ – กรกฎาคม 2565 โดยเงื่อนไขหลัก รัฐยังคงช่วยสนับสนุนค่าโรงแรมที่พัก 40% ของราคาห้องพัก สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท/ห้อง/คืน รับคูปอง 600 บาทต่อวัน และเงินคืนค่าตั๋วเครื่องบิน 40% เช่นเดิม
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ จะให้สิทธิ์แก่ประชาชนคนละไม่เกิน 10 สิทธิ์ (ห้อง) แก่ประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มที่เคยลงทะเบียนเฟส 1 – 3 มาแล้ว แต่ไม่เคยใช้สิทธิ์เลย กลุ่มที่เคยใช้สิทธิ์ไปบางส่วนแล้ว แต่ยังใช้สิทธิ์ไม่หมดตามโควต้าที่ให้ 15 สิทธิ์ในเฟส 1 – 3 รวมถึงกลุ่มคนที่ใช้สิทธิ์หมดแล้วทั้ง 15 สิทธิ์ในเฟส 1 – 3 และคนที่ยังไม่เคยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ เลย ทุกคนจะได้รับสิทธิ์ในเฟส 4 ที่จำนวนคนละไม่เกิน 10 สิทธิ์เท่ากัน!!
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ชี้แจงรายละเอียดไทม์ไลน์การจองสิทธิ์โรงแรมที่พักและการเดินทางเข้าพักว่า ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 จะต้องเข้าไปลงทะเบียนยืนยันสิทธิ์ในระบบอีกครั้ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เมื่อได้รับการยืนยันสิทธิ์เรียบร้อย สามารถเริ่มจองโรงแรมที่พักได้เลย ตามเงื่อนไขเดิมเหมือนในเฟส 3 ที่ต้องจองโรงแรมล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน ผ่านการติดต่อกับโรงแรมโดยตรง เท่ากับว่าหากได้รับการยืนยันสิทธิ์ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ก็จะสามารถเดินทางเช็กอินเข้าพักโรงแรมได้ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้นั่นเอง
ระยะเวลาเดินทางของโครงการฯ สิ้นสุดเมื่อไร? คำตอบ คือ จะมีการเปิดจองโรงแรมที่พักวันสุดท้ายในวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 และสามารถเดินทางเช็กเอาต์วันสุดท้ายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2565
คงต้องติดตามผลลัพธ์ของการปรับมาตรการเดินทางเข้าราชอาณาจักรและโครงการกระตุ้นท่องเที่ยวภายในประเทศกันต่อไป ว่าจะมีส่วนช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีเสือ 2565 ฟื้นตัวกลับมาได้มากน้อยแค่ไหน และหวังว่าสายพันธุ์ ‘โอมิครอน’ จะเป็นตัวปิดเกมเจ้าไวรัสวายร้ายโควิด-19 ให้ชาวโรงแรมได้ลืมตาอ้าปาก กลับมาใช้ชีวิตและทำธุรกิจกันอย่างเป็นปกติสุขอีกครั้ง!!
ขอบคุณภาพโดย เราเที่ยวด้วยกัน.com , People photo created by jcomp – Freepik.com
You may also like
-
เช็กสภาพ ‘ท่องเที่ยว’ เครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยปี 2566
-
Expect The Unexpected! โรงแรมในยุคนักท่องเที่ยว ‘สร้างคอนเทนต์’
-
รอยต่อช่วงฟื้นตัวท่องเที่ยวไทย ! กับสารพัดพายุ ‘ความท้าทาย’ ครึ่งปีหลัง
-
ทัวริสต์ ‘เอเชีย & แปซิฟิก’ ดาวเด่นกู้ยอด ‘โลว์ซีซั่น’ โรงแรมไทย
-
Unlock Thailand ถึงเวลา ‘เปิดประเทศเต็มรูปแบบ!’