เที่ยวทิพย์กันมานาน… นานนับตั้งแต่การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่เกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2564 ขุดรูปเก่าในคลังภาพมือถือมาโพสต์บนโซเชียลก็แล้ว บ่นว่าคิดถึงก็แล้ว แผนเที่ยวที่เตรียมไว้ในหัวเต็มไปหมด เหลือแค่อย่างเดียว… คือ การออกไปเที่ยวอย่างมั่นใจอีกครั้ง!
กระทั่งรัฐบาลส่งสัญญาณบวก คลายล็อกการเดินทางภายในประเทศและกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา หลังจากกราฟยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันอยู่ในทิศทางขาลง (และหวังว่าจะเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่กระเพื่อมหรือเกิดระลอกใหม่ซ้ำเติมแผลเดิม) เชื่อว่าขาเที่ยวทั้งหลายพร้อมวอร์มอัพร่างกายที่จุดออกสตาร์ทกันแล้ว แต่ยังต้องระมัดระวัง ไม่กล้าออกตัวแรงตั้งแต่เริ่มคลายล็อก ขอดูสถานการณ์ Wait & See กันอีกสักระยะก่อน
เอาเป็นว่าเราขอแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวให้คุณได้เก็บไว้ใน Bucket List มั่นใจเมื่อไร ก็ออกเดินทางได้ทันที แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวทะเลใกล้เมืองกรุง ชื่อของ ‘เพชรบุรี’ และ ‘ประจวบคีรีขันธ์’ ต้องผุดขึ้นมาในสมองแน่นอน เพราะนอกจากทะเลแล้ว ยังมีแหล่ง เที่ยว กิน ดื่ม ให้เลือกมากมาย สามารถขับรถไปเยือนเมื่อไรก็ได้ ไม่ต้องวางแผนล่วงหน้านาน
โดยเฉพาะเส้นทางสายหวาน…‘หวานเหมือนน้ำตาลเมืองเพชร’ พอจะเดาออกแล้วใช่ไหมว่าเราจะแนะนำให้คุณไปสัมผัสประสบการณ์เชิงลึกเกี่ยวกับ ‘ตาล’ ที่ทำให้เพชรบุรีครองตำแหน่งเมืองหลวงแห่งขนมหวานของไทย สะท้อนอีกหนึ่งตัวตนว่าเพชรบุรีไม่ได้มีดีแค่วัด วัง และทะเล
แรงบันดาลใจในการไปเยือนแหล่งท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับตาล เกิดขึ้นตอนที่ได้นั่งรถไฟจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่หัวหินช่วงหน้าฝน ทอดสายตามองวิวสองข้างทาง โดยเฉพาะช่วงที่ขบวนรถไฟเคลื่อนผ่านทุ่งนาสีเขียวชอุ่มและเหล่าต้นตาลโตนดคอยต้อนรับเราอย่างเป็นกันเอง เป็นวิวที่มองได้แบบเพลิน ๆ ไม่มีเบื่อ
จะดีแค่ไหนถ้าเราได้ไปเยือนถึงถิ่นตาล ไม่ใช่แค่นั่งมองแล้วเลยผ่านไป
ปักหมุดขับรถไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ นาม ‘บ้านถ้ำรงค์’ ในอำเภอบ้านลาดของเมืองเพชร ที่แห่งนี้ คือ ชุมชนคนทำตาล สืบสานกันมาแบบรุ่นสู่รุ่น วิถีชาวบ้านสายหวานเป็นอย่างไร คุณจะได้สัมผัสผ่านกิจกรรมท่องเที่ยวน่าสนใจที่ ‘ศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาตาลโตนด’ ซึ่งเป็นสวนตาลของคุณลุงถนอม ทว่าเมื่อย่างเท้าเข้ามา… คุณจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจไปกับอุโมงค์ต้นตาลสีเขียวเรียงรายสร้างความร่มรื่นสบายตา มีเปลญวนใต้ต้นตาลชวนให้ทิ้งตัวลงนอนรับลมโชยอ่อน ลืมทุกความเร่งรีบที่เข้ามาทักทายชีวิต
หลังจากปล่อยจิตใจได้ใช้เวลาละเลียดกับความสงบสักพัก ก็ได้เวลาเริ่มคลาสเข้าเรียนหลักสูตรภูมิปัญญาเกี่ยวกับการทำตาล ไล่เลียงตั้งแต่วิธีการปลูก การปีนต้นตาลโตนดเพื่อเก็บน้ำตาล รวมถึงการแปรรูปเป็นน้ำตาลสด น้ำตาลปี๊บ ไปจนถึงของหวานและของคาว ฟินสุด คือ น้ำตาลสดหวานหอมอร่อย หากสนใจเที่ยวชมศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาตาลโตนด คุณสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 032 440 355 และ 08 7800 7716
มาถึงถิ่นตาลทั้งที จะพลาดชิมเมนูท้องถิ่นอัดแน่นด้วยเอกลักษณ์ได้อย่างไร ทั้งขนมตาล โตนดทอด รวมถึงแกงหัวตาล ที่นี่มีเชฟชุมชนคอยทำหน้าที่ปรุงความอร่อยจากวัตถุดิบสดใหม่ และถ้าใครอยากพักค้างคืนและทำกิจกรรมต่าง ๆ ในสวนตาล เช่น นั่งรถรางพาเที่ยว หรือปั่นจักรยานชิล ๆ ภายในชุมชน สามารถติดต่อสอบถามทางวิสาหกิจท่องเที่ยวโดยชุมชน ตำบลถ้ำรงค์ จังหวัดเพชรบุรี เบอร์โทร. 09 9246 9099 หรือเข้าไปหาข้อมูลเรียกน้ำย่อยในเฟซบุ๊ก ท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลถ้ำรงค์
เสร็จจากโปรแกรมเที่ยวเมืองเพชร แนะนำให้ขับรถไปชิลต่อกันที่ ‘หัวหิน’ เปลี่ยนบรรยากาศจากสวนตาลมาที่ไร่องุ่น ‘มอนซูน แวลลีย์’ กันบ้าง ความพิเศษของที่นี่ คือ เป็นไร่องุ่นแห่งแรกและแห่งเดียวในอำเภอหัวหิน บนเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ กับบรรยากาศสุดพิเศษท่ามกลางขุนเขาโอบกอดล้อมเราไว้ให้หลงวนในเสน่ห์ของธรรมชาติ สามารถนั่งรถรางชมความงามของไร่องุ่น เพลิดเพลินกับกิจกรรมเก็บองุ่นและชิมผลที่คุณเก็บสด ๆ จากมือ และยังมีกิจกรรมให้ได้เรียนรู้วิธีการทำไวน์องุ่นอีกด้วย นอกจากนี้ภายในไร่องุ่น มอนซูน แวลลีย์ มีร้านอาหาร ‘The Sala’ เป็นร้านอาหารนานาชาติ มีให้เลือกหลากหลายเมนูทั้งไทยและตะวันตก เหมาะกับการนั่งชิลรับอากาศบริสุทธิ์เป็นที่สุด
ถ้าคุณชอบบรรยากาศของร้านอาหารริมทะเล แนะนำให้ไปอิ่มอร่อยที่ร้าน ‘สุภัทรา บาย เดอะ ซี’ ตั้งอยู่ภายในอำเภอหัวหินเช่นกัน เหมาะกับการจองมื้อเย็นเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศยามเย็นตะวันชิงพลบ นอกเหนือจากอาหารไทยและอาหารทะเลสด ๆ มาให้ได้ลิ้มชิมรสแล้ว ภายในร้านยังโดดเด่นด้วยการตกแต่งในสไตล์ทรอปิคอล ต้นไม้นานาพรรณถูกจัดสรรสร้างความรื่นรมย์เป็นอย่างยิ่ง
สำหรับโรงแรมในหัวหินที่เข้าธีม ‘Green Trip’ มากที่สุด เราขอแนะนำโรงแรม ‘ดุสิตธานี หัวหิน’ ซึ่งเปิดให้บริการในรูปแบบรีสอร์ตมายาวนานถึง 30 ปี ล่าสุดได้ต่อยอดให้เป็นรีสอร์ตที่มีกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อเป็นจุดขายใหม่ ด้วยการแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งของโรงแรมมาพัฒนาเป็นสวนผักผลไม้ออร์แกนิก เพื่อเป็นแหล่งกิจกรรมท่องเที่ยววิถีธรรมชาติ โดยนำผลผลิตที่ได้มาทำผลิตภัณฑ์อาหารสดและแปรรูปจำหน่ายแก่ลูกค้า และปรุงอาหารให้พนักงาน ทั้งยังขยายพื้นที่สวนเกษตรด้วยการลงแปลงนาข้าว เพื่อบรรเทาค่าใช้จ่ายในช่วงวิกฤติโควิด-19 อีกด้วย
ทั้งหมดนี้ คือ เส้นทางท่องเที่ยวสีเขียวที่เราอยากแนะนำให้คุณได้ออกไปพิชิตความสดชื่นของธรรมชาติ พักผ่อนหย่อนใจใกล้เมืองกรุง ชะล้างความเครียดออกไปให้หมดหลังต้องอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ ต่อสู้กับการระบาดของโรคโควิด-19 มาพักใหญ่
ขอบคุณภาพโดย Shutter Stock, pasja1000 จาก Pixabay
You may also like
-
“เที่ยวล้างแค้น” เช็ค 5 ข้อควรรู้ก่อนไปท่องเที่ยวเมืองนอก
-
เล่นเซิร์ฟล้อคลื่น ‘เขาหลัก’
ปักหมุดโรงแรมเก๋-ร้านอาหารใต้สไตล์พังงา -
เที่ยว”แม่ฮ่องสอน”แบบรักษ์โลก : บ้านรักไทย ไร่ชา สวยไม่แพ้กัน
-
‘เที่ยวหรู อยู่แพง!’ ตลาด ‘ลักซ์ชัวรี’ มีดีต้องเจาะ ฝ่าพายุเศรษฐกิจโลกถดถอย!
-
จิตรกรรมฝาผนังรามเกียรติ์”บ้านพิบูลธรรม”งานฝีมือที่หาชมได้ยาก