แม้ภาคท่องเที่ยวฝั่งทะเลอันดามันจะเดินทางเข้าสู่ช่วง Low Season กลางปี แต่สำหรับ ‘เกาะสมุย’ ฝั่งอ่าวไทยนั้น กำลังก้าวสู่ High Season! ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – สิงหาคมของทุกปี ชวนให้ตีตั๋วบินมาสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบลักชัวรี กับ รีสอร์ตสุดหรู 2 แห่ง 2 สไตล์!
รีสอร์ตแห่งแรกที่อยากแนะนำให้ได้ลองเช็กอินกัน คือ ‘บันยันทรี สมุย’ ตั้งอยู่บนอ่าวส่วนตัวในย่านหาดละไม นาทีที่เดินทางมาถึงล็อบบี้ จะพบกับวิวทะเลจากมุมสูง งดงามจนไม่อาจละสายตามาคอยรับรอง มองเห็นห้องพักแบบพูลวิลล่าซึ่งมีจำนวนรวม 78 หลัง แทรกตัวท่ามกลางแมกไม้เขียวขจีบนเนินเขาอันกว้างใหญ่ ผ่านการออกแบบแลนด์สเคปเอาไว้อย่างโดดเด่น
เมื่อมาถึงพูลวิลล่าที่หมาย เปิดประตูไม้บานใหญ่ ย่างเข้าไปสัมผัสความเป็นส่วนตัวด้วยรั้วรอบขอบชิด มีชุดโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งเล่นด้านนอก เดย์เบดหนานุ่มที่มีรั้วกระจกใสกั้นให้ได้นอนชมวิวกันแบบเพลิน ๆ ข้าง ๆ กันนั้น คือ สระเจ็ทจากุซซี่แยกส่วนที่สามารถกดปุ่มทำน้ำอุ่นได้ และสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่สามารถออกแรงว่ายได้อย่างสบาย ๆ กำลังดี ชวนให้เล่นน้ำแช่น้ำได้ทั้งวัน
ขณะที่ภายในวิลล่านั้น รู้สึกอิ่มเอมกับสเปซที่รีสอร์ตให้มาทั้งหน้ากว้างและเพดานสูงโปร่ง สีเอิร์ธโทนคือธีมหลักของการประดับตกแต่ง พื้นผนังและของประดับสีครีมตัดกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มขลับและน้ำตาลแทน ดูหรูและแพงแบบคลาสสิก โดยวิลล่าทุกหลังของบันยันทรี สมุย ได้รับการจัดเลย์เอาต์คล้าย ๆ กัน แบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วน เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะพบกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นเป็นลำดับแรก ต่อด้วยห้องนอน และด้านในสุดเป็นห้องน้ำที่มีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ติดกระจกใส เห็นวิวสระว่ายน้ำส่วนตัวหน้าวิลล่าและวิวทะเลชัดเจน
ส่วนไฮไลต์ที่อยากแนะนำ คือ ห้องแบบ Horizon Hillcrest Pool Villa และ Royal Banyan Pool Villa ตั้งตระหง่านบนยอดเขา ประหนึ่งได้เป็นเจ้าของวิวท้องทะเลอันโล่งกว้างสุดสายตา
อีกจุดขายของบันยันทรี สมุย คือ ‘เดอะ เรนฟอเรสต์ สปา’ สปาวารีบำบัดแบบองค์รวมที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายในบรรยากาศแสนสงบ นอกจากนี้ยังมีสปาแบบต่าง ๆ ซึ่งบันยันทรีขึ้นชื่อเรื่องนี้อยู่แล้ว และกิจกรรมน่าสนใจอย่างคลาสสอนโยคะ ให้ได้ฝึกลมหายใจและเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ร่างกาย
หลังจากอิ่มหนำกับบรรยากาศการเข้าพักที่บันยันทรี สมุย ลุยสัมผัสความหรูกันต่อที่รีสอร์ตแห่งที่ 2 นาม ‘เคปฟาน สมุย’ บนเกาะฟาน เกาะส่วนตัว ตั้งอยู่ห่างจากหาดเชิงมนเพียง 300 เมตร ในช่วงน้ำขึ้นใช้เวลานั่งเรือเล็กจากเลาจน์ของรีสอร์ตแถวหาดเชิงมนไม่ถึง 2 นาที ก็ข้ามมาถึงฝั่งของเกาะส่วนตัวแห่งนี้ แต่ถ้าเป็นช่วงน้ำลดก็สามารถเดินข้ามเกาะได้
เคปฟาน มีพูลวิลล่าแค่ 22 หลัง แม้จะเล็ก แต่บอกได้เลยว่าหรูหรา คุณภาพคับแก้ว การันตีได้จากการเป็นสมาชิกของกลุ่มโรงแรมขนาดเล็กที่หรูหราที่สุดในโลก (Small Luxury Hotels of the World: SLH) ทั้งยังติดอันดับ 1 ใน 12 สุดยอดรีสอร์ตบนเกาะส่วนตัวที่ดีที่สุดในโลก ตอบโจทย์การพักผ่อนแบบส่วนตัวสุด ๆ
ภายในพูลวิลล่าของเคปฟาน ตกแต่งด้วยสไตล์ทรอปิคอล คอนเทมโพรารี เหมือนกันทุกหลัง ให้ความรู้สึกสบายตา สดใสด้วยโทนสีฟ้าขาวของเครื่องนอน ตัดกับสีเอิร์ธโทนของผนังและเฟอร์นิเจอร์ ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างลงตัว มีให้เลือกพักตั้งแต่ขนาด 1 ห้องนอนถึง 2 ห้องนอน
แน่นอนว่าพื้นที่ถูกแยกส่วนอย่างชัดเจน โดยในส่วนของห้องนั่งเล่นและห้องนอน สามารถดื่มด่ำกับวิวเบื้องหน้าได้อย่างเต็มอิ่ม แล้วแต่มุมมองตามตำแหน่งหรือประเภทของห้องพัก เช่น ทรอปิคอล พูลวิลล่า, ดีลักซ์ พูลวิลล่า, เบย์วิว พูลวิลล่า, โอเชียน พูลวิลล่า, บีชฟรอนต์ พูลวิลล่า และ ฮอไรซอน โอเชียน พูลวิลล่า
อย่างมุมที่เราได้สัมผัสจากวิลล่าขนาด 1 ห้องนอนนั้น จะเห็นแนวหินผาตระหง่านและคลื่นกระทบฝั่ง แค่ได้นั่งทอดอารมณ์สงบ นิ่งฟังเสียงคลื่นซัดสาดโขดหิน สูดเอาอากาศสดชื่นเข้าเต็มปอด ก็นับว่าช่วยบำบัดมวลความเครียดภายในได้อย่างดีเยี่ยมจนไม่อยากหายไปไหน อยากให้ทุกประสาทสัมผัสเหล่านี้คงอยู่กับเราตลอดไป
แต่ถ้าใครสนใจพักบน ‘เกาะฟานน้อย’ เกาะจิ๋วติดเกาะฟาน สามารถเดินเชื่อมไปได้ ที่นี่มีพูลวิลล่าขนาด 2 ห้องนอน ตั้งเด่นอยู่เพียงหลังเดียว ขับบรรยากาศความเป็นส่วนตัวขั้นสูงสุด และด้วยการออกแบบแลนด์สเคปที่ตอบโจทย์นอกเหนือจากการเข้าพักแล้ว ยังถูกเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานแต่งงานสุดโรแมนติกอีกด้วย
เมื่อขึ้นไปยังจุดชมวิวของเกาะฟาน นอกจากจะได้พบพานความอลังการของทิวทัศน์ทะเลสีครามสุดลูกหูลูกตาในวันฟ้าใสแล้ว ยังมีห้องอาหาร ‘ล่องใต้’ เป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญเพื่อลิ้มลองอาหารปักษ์ใต้รสเผ็ดร้อนและแปลกใหม่ สารภาพว่าบางเมนูไม่เคยทานมาก่อน ก็ได้ชิมกันครั้งแรกที่นี่ การันตีความอร่อยตรงที่เมนูเด็ดมาจากเชฟระดับโลกด้านอาหาร ‘เดวิด ทอมป์สัน’ ที่เคยได้รับ 1 ดาวมิชลินสำหรับร้านอาหารไทยแห่งแรกของโลก
เริ่มด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย ‘ม้าฮ่อ’ หลายคนน่าจะเคยทานเมนูของว่างคลายร้อนนี้ ซึ่งมักจะจับผลไม้รสเปรี้ยว เช่น สับปะรด นำมาปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ แล้ววางทับด้วยไส้รสหวานเค็มคล้ายไส้สาคูไส้หมู แต่ที่นี่เลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในภาคใต้ นั่นก็คือส้มโชกุนจาก อ.เบตง จ.ยะลา มาเป็นวัตถุดิบ แค่ได้เคี้ยวคำแรกก็ชื่นใจสุด ๆ
ต่อด้วยความอร่อยเข้มข้นและเผ็ดกำลังดีของเมนู ‘หอยกอและ’ ที่นำหอยแมลงภู่ไปรวนกับเครื่องสมุนไพร แล้วนำมาหมักกับ ‘ซอสกอและ’ อันเป็นเอกลักษณ์ของภาคใต้ ย่างบนไฟอ่อน ทานคู่กับแตงกวาและตัดเลี่ยนด้วยส้มจี๊ด ส่วนอีกเมนู คือ ‘เคยจี่’ นำเคยกะปิภาคใต้ เนื้อกุ้ง ไปคลุกกับมะพร้าวแก่ เครื่องแกง และสมุนไพร ใส่บนกะลาแล้วย่างด้วยไฟอ่อน ทานกับใบชะพลู ส้มจี๊ด พริกขี้หนู สไตล์เหมือนเมี่ยงคำ
ก่อนจะตะลุยกันต่อที่เมนคอร์ส เมนูเด็ด คือ ‘หมูสามชั้นผัดกะปิกับพริกแกงและสะตอ’ รสเข้มข้นจัดจ้านของพริกแกงแทรกซึมเข้าถึงเนื้อหมูสามชั้น ทานคู่กับข้าวหอมมะลิจากสุรินทร์ที่หุงด้วยน้ำดอกมะลิ ทั้งนุ่ม ทั้งหอม จนต้องขอเติมข้าว เพราะยังมีเมนูอื่น ๆ ที่รอเราอยู่ อย่างเช่น ‘น้ำพริกพริกไทยอ่อน’ รสชาติเผ็ดร้อนถึงใจ เสิร์ฟพร้อมปลาชิงชัง รวมถึง ‘ปลามงทอดขมิ้น’ และ ‘แกงปูม้าใบชะพลู’
ตบท้ายด้วยของหวานแสนอร่อย ‘ขนมโคกะทิ’ มีส่วนผสมจากสาคูแท้ ๆ จากต้นปาล์มสาคู ของดีเมืองพัทลุง เคล้าเนื้อมะพร้าว ลูกตาล และลำไย เป็นที่ชื่นใจยิ่งนัก ปิดท้ายมื้อค่ำอย่างสมบูรณ์
หวังว่ารีสอร์ตหรูทั้ง 2 แห่งนี้จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบหรูหราให้คุณ และขึ้นชื่อว่า ‘เกาะสมุย’ เจ้าของภาพลักษณ์จุดหมายปลายทางระดับลักชัวรีแล้ว ยังมีตัวเลือกที่พักอีกมากมายรอให้คุณไปสัมผัส และตกหลุมรักสมุยถึง 2 ครั้ง…ครั้งแล้ว ครั้งเล่า!!!
ขอบคุณภาพโดย :
You may also like
-
“เที่ยวล้างแค้น” เช็ค 5 ข้อควรรู้ก่อนไปท่องเที่ยวเมืองนอก
-
เล่นเซิร์ฟล้อคลื่น ‘เขาหลัก’
ปักหมุดโรงแรมเก๋-ร้านอาหารใต้สไตล์พังงา -
เที่ยว”แม่ฮ่องสอน”แบบรักษ์โลก : บ้านรักไทย ไร่ชา สวยไม่แพ้กัน
-
‘เที่ยวหรู อยู่แพง!’ ตลาด ‘ลักซ์ชัวรี’ มีดีต้องเจาะ ฝ่าพายุเศรษฐกิจโลกถดถอย!
-
จิตรกรรมฝาผนังรามเกียรติ์”บ้านพิบูลธรรม”งานฝีมือที่หาชมได้ยาก