Decanter ไวน์เลาจน์สุดหรูที่ได้รับการแปลงโฉมเป็นศูนย์รวมของเครื่องดื่มไวน์และวิสกี้หลากหลายชนิด บนชั้น 12 ของโรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ เป็นการผสมผสานการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมไทย และเอเชีย ด้วยการใช้ผ้าไหมประดับประดาบนผนัง ใช้โทนสีที่เคร่งขรึม รวมไปถึงโทนสีเทาชาร์โคล และสีกาแฟ ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้เป็นโซฟาผ้ากำามะหยี่ ที่จะทำาให้แขกรู้สึกผ่อนคลาย และเพลิดเพลินไปกับการสนทนา
Mr. Joseph Lee, Director, Food and Beverage ได้บอกเล่าถึงจุดกำเนิดของ Decanter ว่าถือกำเนิดจากองค์ประกอบ 3 ประการ โดยแนวความคิดแรกได้แก่ โปรแกรมไวน์ โดยเราเอาใจใส่ในการนำาเสนอคอลเล็คชั่นไวน์สุดคลาสสิกจากดินแดนฝรั่งเศส อิตาลี สเปนและเยอรมัน รวมไปถึงประเทศโลกใหม่ในการผลิตไวน์ เช่น อเมริกาใต้ ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ และอเมริกา ซึ่งนี่ถือเป็นหัวใจสำคัญของ Decanter
แนวความคิดที่สอง ซึ่งถือเป็นแนวความคิดที่เพิ่มเติมเข้ามาสำหรับสาขาที่กรุงเทพฯ ได้แก่ เมนูอาหารสแปนิชทาพาสซึ่งเราเพิ่มเติมเข้าไปในเมนูอาหารเพื่อเป็นออปชันให้กับลูกค้า พร้อมเปลี่ยนแปลงเมนูทาพาสอยู่เรื่อยๆ โดยในปัจจุบันมีเมนูทาพาสอยู่ประมาณ 10 – 12 รายการด้วยกัน
แนวความคิดสุดท้าย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจที่สุด คือ เราได้ร่วมเป็นหุ้นส่วนกับทาง บริษัท ดิอาจิโอ้ เพื่อเปิดตัวห้องจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล ซึ่งเป็นเลาจน์ส่วนตัวที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นแห่งแรก และแห่งเดียวในพื้นที่กรุงเทพฯ หรือแม้แต่ในภูมิภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์มาคอยให้คำแนะนำและให้ความรู้เกี่ยวกับไวน์ชนิดต่างๆ โดยเฉพาะ
Mr. Joseph Lee เล่าว่า รูปแบบร้านถูกแบ่งออกเป็น 3 ห้อง ได้แก่ ห้อง Johnnie Walker Blue Label Room ไฮไลท์ของสถานที่ได้ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ คือ ตู้เก็บวิสกี้ส่วนตัว (Johnnie Walker Private Cabinets) ที่แขกผู้มาเยือนสามารถซื้อและเก็บวิสกี้ไว้ในตู้เก็บที่มีจำนวนทั้งหมด 24 ตู้
เลาจน์ไวน์ ที่มีตู้แช่ไวน์ 2 ตู้ใหญ่ และโต๊ะหินอ่อนยาวสำหรับจัดวางเมนูบุฟเฟ่ต์ไวน์ซึ่งให้บริการเฉพาะวันศุกร์และวันเสาร์ โดยวัสดุปูพื้นที่ทำมาจากไม้ของเลาจน์ไวน์ให้ความรู้สึกอบอุ่น ภายในถูกประดับประดาด้วยหินที่มีลวดลาย ผนังสำเร็จที่ตกแต่งด้วยผ้า ฝ้าเพดานที่โค้งมนกลมกลืน และการจัดแสดงไวน์ภายในเลาจน์
ห้องรับประทานอาหาร ที่โต๊ะทุกตัวมีคุณสมบัติเรืองแสงภายในห้องถูกออกแบบให้มีหน้าต่างที่ประดับด้วยฉากและผ้าม่านที่บ่งบอกถึงวัฒนธรรมไทย
นอกจากนี้ Mr. Joseph Lee ได้อธิบายถึงแผนการบริหารจัดการร้านในปี ค.ศ.2017 นี้ว่า เราวางแผนปฏิทินประจำปี สำหรับทำการตลาด และจัดโปรโมชั่น โดยทั่วไปเราจะอัพเดต และวางแผนการตลาดล่วงหน้า 6 เดือน ซึ่งแผนดังกล่าวจะรวมไปถึงการเตรียมความพร้อมในส่วนของงานเลี้ยงวิสกี้ และกิจกรรมชิมวิสกี้ และการจัดโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อสนับสนุนคอนเซ็ปต์ของทางร้าน รวมไปถึงการโปรโมทในทุกๆ ด้านที่เกี่ยวกับทางร้านไม่ว่าจะเป็นรายการอาหารสแปนิชทาพาส ไวน์โปรแกรมและห้องจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล
เรามีการฝึกอบรมเชิงลึกให้กับพนักงานของร้าน 5 วันต่อสัปดาห์ อีกทั้งมีซัพพลายเออร์มาให้ความรู้พนักงานในด้านเทคนิคเฉพาะ และความรู้ด้านผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของไวน์ หรือวิสกี้
ทั้งนี้ สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเปิดให้บริการร้านอาหารหรือบริการเครื่องดื่ม Mr. Joseph Lee ให้คำแนะนำว่า
“ผมคิดว่าไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร ร้านไวน์ หรือบาร์เหล้าคุณจำเป็นต้องมีคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจน และมีแผนการตลาดที่เข้มแข็งในการนำเสนอตัวตนของร้านคุณ นอกจากนี้ คุณควรมั่นใจว่าคุณมีพนักงานที่มีทักษะ และสินค้าที่มีคุณภาพเพื่อให้บริการลูกค้าได้ตรงตามคอนเซ็ปต์ที่วางไว้ ซึ่งหากคุณทำได้ดังที่กล่าวมา คุณก็จะประสบความสำเร็จ”
จะเห็นว่า สิ่งสำคัญที่ Mr. Joseph Lee เน้นย้ำสำหรับผู้ประกอบการที่ให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม คือคอนเซ็ปต์ที่ต้องมีความชัดเจน และการบริหารพนักงานให้เกิดทักษะ ซึ่งเป็นแนวทางที่ Decanter ได้ปฏิบัติและสามารถสร้างความพึงพอใจแก่แขกผู้มาเยือนเสมอมา
You may also like
-
“เที่ยวล้างแค้น” เช็ค 5 ข้อควรรู้ก่อนไปท่องเที่ยวเมืองนอก
-
เล่นเซิร์ฟล้อคลื่น ‘เขาหลัก’
ปักหมุดโรงแรมเก๋-ร้านอาหารใต้สไตล์พังงา -
เที่ยว”แม่ฮ่องสอน”แบบรักษ์โลก : บ้านรักไทย ไร่ชา สวยไม่แพ้กัน
-
‘เที่ยวหรู อยู่แพง!’ ตลาด ‘ลักซ์ชัวรี’ มีดีต้องเจาะ ฝ่าพายุเศรษฐกิจโลกถดถอย!
-
จิตรกรรมฝาผนังรามเกียรติ์”บ้านพิบูลธรรม”งานฝีมือที่หาชมได้ยาก