Thu. Apr 18th, 2024
เที่ยวสายมู

‘เที่ยวสายมู-สายบุญ’ รับพลังบวกทั่วเมืองไทย (ตอนจบ)

ติดตามกันต่อสำหรับเส้นทาง ‘ท่องเที่ยวสายมู’ ที่น่าสนใจในภาคกลางและภาคใต้ ชวนให้ออกเดินทางสัมผัสพลังความเชื่อและแรงศรัทธากันต่อเนื่อง

เริ่มกันด้วยเส้นทางกราบไหว้ขอพรเรื่องการทำธุรกิจจาก มหาเทพแห่งความมั่งคั่ง ‘ท้าวเวสสุวรรณ’ องค์เทพที่มาแรงที่สุดในปี 2565 นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางเพื่อไปอธิษฐานขอพร ขอให้ร่ำรวย ขายที่ขายทางได้ ขอโชคลาภ และด้วยท่านเป็นเทพแห่งอสูร ปกครองภูตผีปีศาจ วิญญาณร้าย จึงสามารถขอปัดเป่าภูตผี ภยันตราย และขอให้เดินทางปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ

ล่าสุด ‘วัดจุฬามณี’ ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘เมืองแห่งท้าวเวสสุวรรณ’ ได้กลับมาเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ากราบไหว้ขอพรตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป หลังจากต้องปิดชั่วคราวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน รวมถึงบริหารจัดการด้านต่าง ๆ รองรับกระแสหลั่งไหลของผู้มีจิตศรัทธา โดยภายในบริเวณวัดจุฬามณีมีเทวรูปท้าวเวสสุวรรณหลายปาง ได้แก่ ปางพรหมาสูติเทพ ปางจตุมหาราช ปางเทพบุตรสูติเทพ ปางมนุษย์ และปางยักษ์


‘เที่ยวสายมู – สายบุญ’ รับพลังบวกทั่วเมืองไทย (ตอน 1)


ส่วนใครที่อยากไปขอพรที่วัดในกรุงเทพฯ สามารถเดินทางไปที่ วัดสุทัศนเทพวราราม หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ‘วัดสุทัศน์’ เป็นวัดเก่าแก่ของกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านเสาชิงช้า สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ทางวัดได้สร้างรูปท้าวเวสสุวรรณขึ้น และประดิษฐานไว้ที่ด้านหลังพระอุโบสถ โดยไม่ได้สร้างเป็นองค์ใหญ่เหมือนวัดอื่น เนื่องจากวัดสุทัศน์เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดราชวรมหาวิหาร จุดประสงค์เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาทางด้านหน้าเพื่อสักการะพระพุทธตรีโลกเชษฐ์ พระประธานในอุโบสถก่อน แล้วค่อยออกทางประตูหลังไปไหว้ขอพรท้าวเวสสุวรรณเป็นลำดับถัดไป

ข้ามไปยังฝั่งธนบุรี ‘วัดสุทธาราม’ ตั้งอยู่ในซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 19 เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาที่ผู้คนนิยมมาสักการะหลวงพ่อฉิม พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของวัด นอกจากภายในวัดจะมีพิพิธภัณฑ์สะสมของเก่าแก่โบราณมากมายแล้ว ยังประดิษฐานท้าวเวสสุวรรณเนื้อโลหะใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขนาดสูงกว่า 8 เมตร

อีกเส้นทางสายมูน่าสนใจใกล้กรุงเทพฯ แนะนำให้พุ่งตรงไปยังจังหวัดปทุมธานี สู่เส้นทางแห่งความร่ำรวย ‘เซียนแปะโรงสี’ หรือ ‘อาจารย์โง้ว กิมโคย’ ผู้มีเชื้อสายจีนใน ‘วัดศาลเจ้า’ วัดเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เพราะสมัยที่ท่านอาจารย์โง้วมีชีวิต ลูกศิษย์ทั้งในและต่างประเทศจะขอให้ช่วยชี้แนะในเรื่องฮวงจุ้ย ทำเลที่ตั้งบ้าน ห้างร้าน หรือบริษัท เป็นการช่วยโดยไม่หวังผลตอบแทน แม้ย่างเข้าวัยชราก็ยังคงชี้แนะด้วยความเมตตาจนวาระสุดท้าย หลังเสร็จสิ้นการทำพิธีศพ ทางครอบครัวและคณะลูกศิษย์ได้จัดสร้างรูปเหมือนขนาดเท่าตัวจริงไว้ในวัดศาลเจ้า เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาได้เข้ามาไหว้ขอพร

สำหรับวัตถุมงคลของเซียนแปะที่ได้รับความนิยม คือ เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก เหรียญรูปเหมือนทรงหยดน้ำ ล็อกเก็ตรูปเหมือน และผ้ายันต์หลายรุ่นด้วยกัน มีทั้งแบบพกติดตัว ติดหน้าบ้าน ร้านค้า อาคาร สำนักงาน เชื่อกันว่าสามารถเสริมพลัง อำนาจ ความบริบูรณ์มั่งคั่งแก่ผู้บูชา

ไปกันต่อกับเส้นทางสายมูในภาคใต้ เชื่อว่าชื่อจังหวัด ‘นครศรีธรรมราช’ ผุดขึ้นในใจใครหลายคนแน่นอน เพราะเมื่อย้อนไปยังปีที่แล้ว ‘ไอ้ไข่ วัดเจดีย์’ เทพแห่งปี 2564 ทำให้นักท่องเที่ยวไทยจากทุกมุมเมืองตบเท้ามาเยือนกราบไหว้ขอพร จนทำให้เศรษฐกิจของนครศรีธรรมราชพลิกฟื้นกลับมาคึกคัก สวนทางวิกฤติโควิด-19

ด้วยชื่อเสียงด้านความศักดิ์สิทธิ์ของ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ แห่งเมืองสิชล ทำให้ใครต่อใครรับทรัพย์รับโชคลาภกันมากมาย แม้เรื่องเล่าขานจะมีหลากหลายที่มา บ้างว่าเป็นดวงวิญญาณของเด็กวัดลูกศิษย์ที่ติดตามหลวงปู่ทวดครั้งธุดงค์มาที่วัดร้าง ซึ่งปัจจุบัน คือ วัดเจดีย์ แล้วทำหน้าที่เฝ้าสมบัติ บ้างก็ว่าเป็นวิญญาณเด็กแถวนั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่าแบบไหน ก็ตรงกันว่า ไอ้ไข่ น่าจะเป็นเด็กอายุประมาณ 9-10 ขวบ หรือหากย้อนกลับไปนับตามอายุจริง วันนี้ก็ต้องเป็นคุณตาไข่ไปแล้ว

จุดเริ่มต้นความเชื่อความศรัทธาชัดเจนมากขึ้นราวปี 2525 เมื่อคนท้องถิ่นชื่อผู้ใหญ่เที่ยง นิมิตถึงเด็กชายมาขอให้แกะรูปของตน จึงเป็นที่มาของการแกะสลักไม้ตะเคียน สลักกลายเป็นรูปเคารพไอ้ไข่ที่โด่งดังไปทั่วประเทศจนถึงทุกวันนี้ สำหรับใครที่ไปขอพรแล้วสมใจ มักแก้บนด้วยของเล่นเด็กต่าง ๆ เช่น ชุดลายพรางทหาร น้ำอัดลม น้ำหวาน และรูปปั้นไก่

อีกหนึ่งจุดหมายที่อยากแนะนำในจังหวัดนครศรีธรรมราช คือ ‘วัดไพศาลสถิต’ วัดเก่าแก่ที่อยู่ในอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช หรือ วัดปากพยิง เพราะนอกจากจะได้ชมความงดงามของโบสถ์เก่าแก่อายุกว่า 100 ปี โอบอุ้มไว้ด้วยรากต้นไทร รากต้นโพธิ์ และต้นไม้น้อยใหญ่ ประหนึ่งลวดลายจากธรรมชาติ สร้างสรรค์ได้อย่างกลมกลืนกับโครงสร้างของโบสถ์แล้ว ภายในพระอุโบสถยังประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัยสีทองอร่าม มีพระโอษฐ์สีแดงเข้ม คือ ‘หลวงพ่อปากแดง’ ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยผู้คนนิยมเดินทางมาขอพรหลวงพ่อปากแดงเรื่องความรัก และความร่มเย็นเป็นสุข

ทั้งหมดนี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างบางส่วนของเส้นทางท่องเที่ยวสายมูทั่วทุกภูมิภาคของไทยเท่านั้น ชวนให้นักท่องเที่ยวได้ลองเดินทางไปสัมผัส ‘พลังบวก’ มาเติมเต็มพลังงานในการใช้ชีวิต เพื่อพิชิตความท้าทายและอุปสรรครอบด้าน

ขอบคุณภาพโดย Thai dress photo created by jcomp – Freepik.com

Leave a Reply

Or

Your email address will not be published. Required fields are marked *