Thu. Mar 28th, 2024
V-shape

New Chapter มุ่งนักท่องเที่ยว “คุณภาพ”

ผู้ว่า ททท. ชี้ ท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวแบบ V-shape คาดทั้งปี 2565 นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 10 ล้านคนตามเป้าหมาย ยอมรับเป้าหมายรายได้ 1.5 ล้านล้านบาท ท้าทาย

“ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่ 1 มกราคม-25 กันยายน 2565 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 5.8 ล้านคน โดยมีอัตราการเดินทางเข้ามาเฉลี่ย 46,000 คนต่อวัน จึงคาดว่าสิ้นสุดเดือนกันยายนนี้จะมีจำนวนถึง 6 ล้านคน

โดยในปี 2565 นี้ ททท.ตั้งเป้าหมายประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทยจำนวน 10 ล้านคน นักท่องเที่ยวชาวไทยออกเดินทางในประเทศ 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวรวมประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท คิดเป็น 50% ของรายได้ภาคการท่องเที่ยวในปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19

“การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทยเป็นแบบวีเชพ (V-Shape) คือฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นไฮซีซั่นของนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกล เช่น ยุโรปและสหรัฐอเมริกา คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนละ 1.5 ล้านคน ส่งผลให้ในปี 2565 นี้ไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงเป้าหมายเดิมที่เคยตั้งไว้ที่ 10 ล้านคนแน่นอน”

“ยุทธศักดิ์” บอกด้วยว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยใช้จ่ายอยู่ที่ราว 55,000 บาทต่อคนต่อทริป แต่ในช่วงไตรมาสที่ 1 ซึ่งยังมีมาตรการควบคุมการเข้าออกบังคับใช้อยู่ นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายเฉลี่ยสูงถึง 77,000 บาทต่อคนต่อทริป จากการพักค้างที่ยาวนาน ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยคาดว่าจะมีการใช้จ่ายต่อการออกเดินทางในประเทศที่ 4,000 บาทต่อคนต่อทริป

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายรายได้ 1.5 ล้านล้านบาท ยังเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในช่วงเวลานี้เป็นนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะใกล้เป็นหลัก เช่น ชาวมาเลเซียที่เดินทางข้ามแดนมายังประเทศไทยในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ทำให้มีการพักค้างในไทยไม่นานนัก ต่างจากนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกลที่มีระยะเวลาการพักค้างที่ยาวนานกว่า

สำหรับปัจจัยที่กระทบการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทยนั้น “ยุทธศักดิ์” บอกว่า แรงงานบางส่วนออกจากระบบไปในช่วงโควิด-19 และจนถึงปัจจุบันยังไม่กลับเข้าสู่ระบบ หรือนายจ้างต้องมีต้นทุนในการทบทวนทักษะและเพิ่มพูนทักษะให้แรงงานที่กลับเข้ามาอีกครั้ง

ทั้งประเทศในภูมิภาคเอเชียเริ่มผ่อนคลายมาตรการการเข้าออกพรมแดน ทำให้นักท่องเที่ยวไทยส่วนหนึ่งอาจเลือกเดินทางไปต่างประเทศแทนการออกเดินทางในประเทศ

ขณะที่ราคาบัตรโดยสารสายการบินยังคงมีราคาที่สูงอยู่ ประกอบกับจำนวนที่นั่งในแต่ละเส้นทางยังน้อยกว่าเดิมอยู่มาก ททท.ได้แก้ปัญหาด้วยการเจรจากับสายการบินและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อขอให้สายการบินซึ่งเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่นำนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ กลับมาทำการบินมากขึ้น

ทั้งนี้ จากข้อมูลของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) พบว่า สลอตการบินในฤดูหนาว 2565-2566 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2565 ถึง 25 มีนาคม 2566 มีการจองตารางสลอตการบินเข้ามามากขึ้น โดยเพิ่มเป็น 573,538 ที่นั่งต่อสัปดาห์ เติบโตสูงถึง 74.2% เมื่อเทียบกับสลอตการบินฤดูร้อนที่ผ่านมา

โดยจำนวนที่นั่งที่เข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มขึ้นในทุกเส้นทาง เช่น เส้นทางเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ เพิ่มขึ้นจากเดิม 69,205 ที่นั่ง เป็น 175,588 ที่นั่ง หรือเพิ่มขึ้นราว 154% เส้นทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพิ่มขึ้นจาก 131,619 ที่นั่ง เป็น 211,744 ที่นั่ง หรือเพิ่มขึ้นราว 61%

ส่วนปัจจัยบวกที่จะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้น “ยุทธศักดิ์” ประเมินว่า สถานการณ์เงินบาทที่อ่อนค่าจะช่วยเป็นผลดีให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามามีการใช้จ่ายมากขึ้น รวมถึงการขยายระยะเวลาวีซ่าก็จะช่วยส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามามีวันพักแรมที่ยาวนานขึ้น

นอกจากนี้จากปัญหาราคาพลังงานที่พุ่งสูงในกลุ่มประเทศซีกโลกเหนือ อาจส่งผลดีให้นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งออกเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงปลายปีที่จะถึงนี้ด้วย

“ยุทธศักดิ์” ยังพูดถึงเป้าหมายสำหรับปี 2566 หรือ New Chapter 2023 ด้วยว่า ททท.จะใช้กลยุทธ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวแบบ 4-3-3 มุ่งเป้านักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ กำลังซื้อสูง มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ 4 ตัวตน คือ 1.กลุ่มนักท่องเที่ยวกำลังทรัพย์สูง 2.กลุ่มวัยเกษียณกำลังซื้อสูง 3.กลุ่มที่ทำงานได้จากทุกที่ และ 4.กลุ่มที่มีความสามารถสูง (High Skilled Professional)

และแบ่งกลุ่มเป้าหมายตามวัยออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มคนรุ่นใหม่ (เจนวาย มิลเลนเนียล), กลุ่มเจน X และกลุ่มวัยเกษียณที่ยังมีไฟ พร้อมโฟกัสในนักท่องเที่ยวที่มีพฤติกรรม 3 ด้าน คือ เวลเนส กลุ่มคู่รัก และกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

พร้อมทิ้งท้ายไว้ว่า สำหรับในปี 2566 นั้น กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ตั้งเป้ามีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็น 80% ของปี 2562 หรือราว 2.4 ล้านล้านบาท และมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 20 ล้านคน หรือ 50% ของปี 2562 โดยจะโฟกัสนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากขึ้น

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ https://www.prachachat.net/tourism/news-1066904

Leave a Reply

Or

Your email address will not be published. Required fields are marked *