Thu. Mar 28th, 2024
ท่องเที่ยวโลก

IHG ชี้ “ท่องเที่ยวโลก” เริ่มฟื้น รุกเพิ่มโรงแรมใหม่ในไทย

“ไอเอชจี” เครือโรงแรมระดับโลกเชื่อมั่นภาคธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลก ชี้ดีมานด์อนาคตกำลังกลับมา นักลงทุนแห่ผุดโรงแรมใหม่ต่อเนื่อง เผยปี’63 ยังเซ็นสัญญาเข้าบริหารโรงแรมทั่วโลกทุกวัน-เปิดใหม่ถึง 285 แห่ง เตรียมบุกขยายโรงแรมทุกระดับในไทยอีก 2 เท่าตัว ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า พร้อมแจ้งเกิดแบรนด์ใหม่ VOCO ย่านสุขุมวิทหลังจากทยอยปักหมุดแบรนด์ “สเตย์บริดจ์สวีทส์-คิมป์ตัน” เป็นประเทศแรกในเซาท์อีสต์เอเชีย

นายราจิต สุขุมารัน กรรมการบริหาร ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี ไอเอชจี โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (IHG Hotels & Resorts) เปิดเผยว่า ปี 2563 ที่ผ่านมาต่อเนื่องมาถึงปีนี้เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายมากสำหรับธุรกิจโรงแรมและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 โดยเฉพาะประเทศไทยที่ต้องพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

อย่างไรก็ตามมองว่าอุตสาหกรรมโรงแรมในอนาคตจะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องเช่นเดียวกับก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยขณะนี้ภาพรวมทั่วโลกอยู่ในระหว่างการฟื้นตัวแล้ว และกำลังมุ่งหน้าสู่อนาคตการเติบโตอย่างยั่งยืน


ไนท์แฟรงก์เผยปี 2563 โรงแรมลงหรูเปิดใหม่ 1,800 ห้อง

“ซี.พี.แลนด์” เชื่อมั่นเที่ยวไทย ทุ่มพันล้านลงทุนโรงแรมใหม่

“เคป&แคนทารี” เสริมพอร์ต ทุ่ม 500 ล้านเปิดโรงแรมบ้านฉาง


ขณะเดียวกันกลุ่มนักลงทุนก็ยังคงให้ความสนใจลงทุนในธุรกิจโรงแรมอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งปรากฏการณ์หนึ่งที่สะท้อนได้ถึงความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนและศักยภาพของการท่องเที่ยวที่จะกลับมาในอนาคตได้เป็นอย่างดี คือปี 2563 ที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มไอเอชจีได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก มีการเซ็นสัญญาเข้าบริหารโรงแรมใหม่เฉลี่ยวันละ 1 สัญญา และได้เปิดโรงแรมใหม่จำนวน 285 แห่งทั่วโลก

“เรามีความมั่นใจในแผนฟื้นฟูธุรกิจของเราในช่วงที่ผ่านมา โดยให้ความสำคัญด้านสุขภาพและความปลอดภัยของแขกและพนักงานเป็นอันดับแรก และก็หวังว่าตั้งแต่ปลายปี 2564 หรือต้นปี 2565 ที่จะถึงนี้น่าจะเห็นความชัดเจนทั้งในเรื่องของวัคซีนและการผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ เรื่องการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้ถือเป็นปัจจัยหลักที่พาร์ตเนอร์ของเรามองว่าเป็นปัจจัยบวก” นายราจิตกล่าว

นายราจิตกล่าวว่า สำหรับประเทศไทยนั้นกลุ่มไอเอชจียังมั่นใจว่าเศรษฐกิจของประเทศจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งกลุ่มไอเอชจีเองก็พร้อมที่จะสร้างการเติบโตต่อในปีนี้เช่นกัน หลังจากที่ก้าวผ่านปี 2563 มาได้อย่างแข็งแกร่ง โดยจะยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการเติบโตของภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทยต่อไป

ทั้งนี้ จะมุ่งเรื่องการสร้างแบรนด์ในเครือข่ายทั้งหมดให้ได้รับความไว้วางใจและเข้าไปอยู่ในใจลูกค้าและพาร์ตเนอร์ โดยตระหนักถึงความต้องการของแขกและเจ้าของโรงแรมและมุ่งตอบโจทย์ลูกค้า รวมถึงสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้เจ้าของโรงแรมซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนทั่วโลก

ด้านนางสาวเซเรน่า ลิม รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป (ไอเอชจี) ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี กล่าวเสริมว่า สำหรับตลาดประเทศไทยนั้นกลุ่มไอเอชจีมองว่ายังเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนโรงแรมในเครืออีก 2 เท่าตัว ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า หรือมีจำนวนโรงแรมในเครือรวมไม่ต่ำกว่า 60 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 30 แห่ง

โดยจะขยายแบรนด์ในทุกระดับ อาทิ แบรนด์ในกลุ่มลักเซอรี่และไลฟ์สไตล์ ขณะนี้สรุปโครงการแล้ว 3 แห่ง ภายใต้แบรนด์อินเตอร์คอนติเนนตัลในอีก 2 ปีข้างหน้า ได้แก่ เขาใหญ่ (นครราชสีมา), ทองหล่อ (กรุงเทพฯ) และเชียงใหม่

นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ที่มีโอกาสเติบโตในประเทศอีกจำนวนมาก อาทิ ศักยภาพในการขยายโรงแรมคราวน์พลาซ่าในพื้นที่ที่มีการเติบโตด้านธุรกิจ เช่น สุขุมวิท, พระราม 9 ฯลฯ รวมถึงแบรนด์ฮอลิเดย์ อินน์ ที่มีแผนขยายไปภูเก็ต (กะตะ), กรุงเทพฯ (สถานีรถไฟฟ้าตากสิน) เมืองท่องเที่ยว และเมืองใหญ่ทั่วประเทศไทย เป็นต้น

“ที่ผ่านมาประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไอเอชจีเปิดตัวแบรนด์ใหม่ อาทิ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส และโรงแรมอินดิโก้ กรุงเทพฯ และในปีที่ผ่านมาก็ได้เปิดตัวอีก 2 แบรนด์ใหม่ คือ สเตย์บริดจ์สวีทส์ และคิมป์ตัน ส่วนแบรนด์ใหม่ที่จะนำมาเปิดตลาดต่อจากนี้น่าจะเป็นแบรนด์ “โวโค” หรือ VOCO ซึ่งเป็นแบรนด์ในกลุ่มพรีเมี่ยมบนทำเลถนนสุขุมวิท” นางสาวเซเรน่ากล่าว

นางสาวเซเรน่ากล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น ที่ผ่านมายอมรับว่าโรงแรมในเครือได้รับผลกระทบบ้าง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ อย่างไรก็ตามโรงแรมทั้งหมดได้ปรับกลยุทธ์เพื่อตอบโจทย์ตลาดคนไทยมากขึ้น และให้บริการธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศอย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงการแพร่ระบาด

โดยขณะนี้พบว่าความต้องการจองห้องพักในประเทศยังคงมีต่อเนื่อง และสามารถสร้างรายได้จากการเปลี่ยนไป เน้นนักท่องเที่ยวคนไทย (กลุ่มครอบครัว) ทำให้โรงแรมสไตล์รีสอร์ตในเครือเป็นที่นิยมมากขึ้น อาทิ หัวหิน เป็นต้น และเริ่มเห็นทิศทางที่ดีมากมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมาและต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ https://www.prachachat.net/tourism/news-637576

Leave a Reply

Or

Your email address will not be published. Required fields are marked *