Fri. Apr 19th, 2024
ATTA เล็งเจาะตลาดใหม่ สร้างรายได้อุตฯท่องเที่ยว

ATTA เล็งเจาะตลาดใหม่ สร้างรายได้อุตฯท่องเที่ยว

เลือกตั้งกันไปเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำหรับนายกสมาคมและคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือ ATTA โดย “วิชิต ประกอบโกศล” นายกสมาคมคนเดิมได้รับเลือกตั้งให้นั่งนายกสมาคม ต่อเป็นสมัยที่ 2

สัมภาษณ์ “วิชิต ประกอบโกศล” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ถึงทิศทางการบริหารงานในสมัยที่ 2 และมุมมองต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย ไว้ดังนี้

“วิชิต” เริ่มต้นให้สัมภาษณ์ด้วยการย้ำว่า นโยบายในการดำเนินงานในสมัยที่ 2 นี้ จะมุ่งเน้นใน 3 ส่วนหลักๆคือ มั่นคง มุ่งมั่น และยั่งยืน โดยเน้นว่าสมาคมต้องเป็นองค์กรที่มีการบริหารงานอย่างเป็นระบบ มีการพัฒนาควบคู่ไปกับนโยบายของรัฐ สร้างโอกาสด้านการตลาดในทุกภูมิภาคทั่วโลก หาช่องทางในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพื่อกระจาย ATTA เล็งเจาะตลาดใหม่ สร้างรายได้อุตสาหกรรมท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยวไปสู่เมืองรองและให้ความสำคัญกับการรักษาทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวและความปลอดภัยนักท่องเที่ยว โดยจะมุ่งทำการตลาดเชิงรุกมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายนำนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยให้ได้มากที่สุด

“วิชิต” บอกว่า ขณะนี้สัญญาณทางเศรษฐกิจทั่วโลกไม่ค่อยดีนัก ดังนั้น คณะกรรมการบริหารแอตต้าชุดใหม่นี้คงต้องทำงานหนักขึ้น ซึ่งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่นี้จะมีตัวแทนจากทุกตลาดเข้ามาช่วยกันดูแลอย่างชัดเจน และเชื่อว่าการที่มีคณะกรรมการบริหารครบทุกตลาดจะทำให้สามารถขับเคลื่อนได้ครอบคลุมและมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ มองว่า นอกจากตลาดจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ที่ดีอยู่แล้ว ตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต คือ อินเดีย, ฟิลิปปินส์, เมียนมา เป็นต้น โดยเฉพาะตลาดอินเดียที่คาดว่าในปี 2562 นี้ น่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวได้ถึง 1.9-2 ล้านคน

“หลังจากนี้เราจะมาดูเรื่องแผนโรดโชว์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกครั้งว่า นอกจากตลาดหลัก ๆ อย่าง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน เราจะไปเจาะเมืองใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ทั้งอินเดีย ฟิลิปปินส์ เมียนมา รวมถึงประเทศในกลุ่มยุโรปตะวันออก รัสเซีย และอื่น ๆ ซึ่งส่วนตัวเชื่อมั่นว่าการทำงานในสมัยที่ 2 นี้ จะเดินได้เร็วกว่าในสมัยแรกแน่นอน” วิชิตย้ำ

ATTA เล็งเจาะตลาดใหม่ สร้างรายได้อุตฯท่องเที่ยว

“วิชิต” ยังบอกด้วยว่า ปัจจัยที่เป็นกังวลมากที่สุดและไม่สามารถควบคุมได้สำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยในเวลานี้ คือ “ค่าเงินบาท” ที่มีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง โดยมองว่าหากค่าเงินบาทแตะที่ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐเมื่อไหร่ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวน่าจะได้รับผลกระทบที่ชัดเจน เนื่องจากระบบการขายสินค้าท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นการขายล่วงหน้า 3-6 เดือน หรือหากผู้ประกอบการมีความจำเป็นต้องปรับราคาขายเพิ่มขึ้นก็น่าจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของนักท่องเที่ยว นั่นหมายความว่า ประเทศไทยอาจเสียโอกาสทางด้านการขาย อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ประเทศคู่แข่งเข้ามาแชร์ส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติไปได้

“เดิมทีเดียวเรากังวลว่าปัญหาเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนน่าจะเป็นตัวแปรที่น่าเป็นห่วงที่สุด แต่กลับดูมีทิศทางที่ดีขึ้น ตอนนี้จึงมีแค่ค่าเงินบาท ซึ่งผมอยากเสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาดูแลเรื่องค่าเงินด้วย เพื่อไม่ให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศซึ่งเป็นเซ็กเตอร์ที่สร้างรายได้หลักและเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้รับผลกระทบ ที่สำคัญหากผู้ประกอบการมีรายได้ลดลง รัฐบาลก็จัดเก็บภาษีได้น้อยลงด้วย”

นายกสมาคม ATTA ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมด้วยว่า อีกประเด็นหนี่งที่อยากนำเสนอ คือ อยากให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น หรือที่เรียกว่า man made attraction เพื่อเสริมแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติซึ่งประเทศไทยมีอยู่แล้วให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากปัจจุบันหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกต่างให้ความสนใจและสนับสนุนให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวที่เป็น man made attraction อย่างชัดเจน

โดยมีเป้าหมายเพื่อให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันในในระดับภูมิภาคอาเซียนและในตลาดโลก ได้ในอนาคตนั่นเอง


ขอบคุณข้อมูลจาก : www.prachachat.net วันที่ 3 มี.ค. 62
www.prachachat.net/tourism/news-296639

Leave a Reply

Or

Your email address will not be published. Required fields are marked *