Tue. Apr 23rd, 2024
เชียงคาน-ในเวียง

“เชียงคาน-ในเวียง” ขึ้นแท่น TOP 100 แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนโลกปี’63

“รมต.พิพัฒน์” ปลื้มเมือง “เชียงคาน-ในเวียง” ผ่านขึ้นแท่นสุดยอด 100 แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนโลกปี’63 ครั้งแรกของประเทศไทย อพท. เผยความสำเร็จปั้นความยั่งยืนสู่รูปธรรมมาจากความร่วมมือทุกภาคส่วน ที่พร้อมใช้เกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลกตอบยุทธศาสตร์ชาติ พร้อมประกาศลุยต่อเล็งส่งแหล่งท่องเที่ยวชิง TOP 100 ปีละอย่างน้อย 1 แหล่ง

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. ถึงผลประกาศการจัดอันดับ 100 แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก หรือ Sustainable Destinations TOP 100 ว่า เทศบาลตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย และ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ผ่านเกณฑ์คัดเลือกได้รับการจัดอันดับบรรจุเป็นแหล่งท่องเที่ยว TOP 100 ประจำปี 2563 ครั้งแรกของประเทศไทยหลังจากมีการปรับปรุงเกณฑ์การตัดสินที่เข้มงวดขึ้น

โดยประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับครั้งนี้คือ ได้สร้างการรับรู้ในแบรนด์ หรือชื่อเสียงของแหล่งท่องเที่ยวรอง นักท่องเที่ยวต่างชาติจะได้รู้จักและเข้าสู่รายชื่อการเป็นจุดหมายปลายทางของการเดินทางระดับคุณภาพ

ด้านดร.ชูวิทย์ มิตรชอบ รักษาการแทนผู้อำนวยการ อพท. กล่าวว่า เชียงคาน จังหวัดเลย และในเวียง จังหวัดน่าน อพท. ได้พัฒนาโดยใช้เกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก หรือ GSTC ควบคู่ไปกับการนำ 4 นโยบายของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้แก่ ความปลอดภัย ความสะอาด ความเสมอภาคเป็นธรรม และความยั่งยืน

ทั้งนี้ อพท. เข้าไปพัฒนาในรูปแบบบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาคี ทั้งส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน และภาคเอกชน ทำให้เกิดความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมในครั้งนี้ และนับเป็นความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมอีกขั้นหนึ่งของภารกิจ อพท. ในด้านการพัฒนาสู่ความยั่งยืน

สำหรับ TOP 100 หรือ Sustainable Destinations TOP 100 เป็นอันดับที่มอบให้แก่แหล่งท่องเที่ยวที่มีความพร้อมในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จัดโดยหน่วยงานระดับโลก Green Destinations Foundation ประเทศเนเธอร์แลนด์ ร่วมกับคณะผู้จัดงานส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลก ITB (InternationTourism Borse) กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี

“เกณฑ์การตัดสินแหล่งท่องเที่ยวแบ่งเป็นคะแนนจากการดำเนินการตามเกณฑ์บังคับ 30 ข้อ และคะแนนจากการนำเสนอ Good Practice Story โดยในส่วนของ Good Practice Story แหล่งท่องเที่ยวต้องสามารถบอกเล่า หรือแสดงถึงเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่ต้องการจะพัฒนา แสดงถึงการใช้นวัตกรรม หรือการนำนวัตกรรม หรือแนวทางปฏิบัติที่เคยมีอยู่แล้ว มาปรับใช้ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน และสุดท้ายแหล่งท่องเที่ยวนั้นจะต้องสามารถเป็นกรณีศึกษาที่ดีให้แก่แหล่งท่องเที่ยวอื่น สามารถเรียนรู้และนำไปปรับใช้ต่อได้” ดร.ชูวิทย์กล่าว

และว่า ดังนั้นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการบรรจุสู่ Sustainable Destinations TOP 100 เป็นการแสดงให้เห็นว่าแหล่งท่องเที่ยวนั้น มีคุณภาพพอที่จะดึงดูดกลุ่มลูกค้าคุณภาพ มีการกระจายรายได้ให้คนท้องถิ่น มีการปกป้องประเพณีวัฒนธรรมวิถีชีวิต และปกป้องสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสม ผู้ไปเที่ยวก็สบายใจ ชุมชน ประชากรที่อาศัยในแหล่งท่องเที่ยวก็สบายใจ

ดร.ชูวิทย์ กล่าวอีกว่า ในเชิงการบริหารประเทศ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวสู่รางวัล Sustainable Destinations TOP 100 เป็นการตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ ในเรื่องของการสร้างระบบนิเวศท่องเที่ยว ซึ่งหมายถึงสภาพแวดล้อมโดยรวมของแหล่งท่องเที่ยวที่มีความยั่งยืน ทั้งในเรื่องภูมิทัศน์ ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม การปกป้องวัฒนธรรม การกระจายรายได้ที่เป็นธรรม รวมไปถึงกฎหมาย ข้อบังคับต่างๆ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้สอดรับกับนโยบายของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และอยู่ในเกณฑ์ของ TOP 100 ทั้งหมด

“TOP 100 คือการตอบโจทย์ของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม วัดผลได้ มีแผนงานชัดเจนว่าหากเราต้องการให้แหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยมีความยั่งยืนจะต้องทำอย่างไร ซึ่งในส่วนของ อพท. จะนำความสำเร็จครั้งนี้ เป็นต้นแบบขยายผลไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่นที่ดูแลรับผิดชอบทั้งในพื้นที่พิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี และพื้นที่อื่นที่ได้รับมอบหมาย โดยจะนำแหล่งท่องเที่ยวที่ผ่านกระบวนการพัฒนาของ อพท. เสนอเข้าสู่การจัดอันดับ TOP 100 อย่างน้อยปีละ 1 แหล่ง” ดร.ชูวิทย์กล่าว

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ https://www.prachachat.net/tourism/news-532726

Leave a Reply

Or

Your email address will not be published. Required fields are marked *