Thu. Mar 28th, 2024
สถิติรายได้ต่อห้องพัก

อุตฯท่องเที่ยว”63 สุดท้าทาย แนะปลุกโลว์ซีซั่นแก้เกมรายได้ห้องพักวูบ

STR ชี้อุตฯท่องเที่ยวไทย 6 เดือนแรกปีนี้สุดท้าทาย ! เผยปี”62 รายได้ห้องพักทั่วประเทศหล่นฮวบ “กรุงเทพฯ-หัวหิน” ดีสุดแต่ยังติดลบ แนะต้องวางแผนระยะยาว-เลิกพึ่งตลาดจีน หันโฟกัส “อินเดีย-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้-สหรัฐ” ครองมาร์เก็ตแชร์รวมกันได้ 20% ของตลาด เร่งวางแผนปลุกโลว์ซีซั่นหนุนภาพรวมปีนี้โต ฟาก TTF2020 เร่งยกระดับอุตฯท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืน

นายแจสเปอร์ ปาล์มควิส ผู้อำนวยการประจำภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก บริษัท สมิธ ทราเวล รีเสิร์ช (Smith Travel Research Inc.) หรือ STR เปิดเผยถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 นี้ ว่า นับเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายอย่างมากของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย เนื่องจากคาดว่าอัตราการเข้าพักโดยรวมจะยังคงลดลงจากตัวเลข 73.1% ของปีที่ผ่านมาและรายได้ต่อห้องพัก (RevPAR) ทั่วประเทศไทยก็จะยังคงไม่เติบโตจากปีที่ผ่านมา และน่าจะมีเพียงห้องพักในพื้นที่กรุงเทพฯที่กลับมาเติบโตได้ประมาณ 2.2%

โดยในปี 2562 ที่ผ่านมาพบว่ารายได้ต่อห้องพักทั่วประเทศมีอัตราการเติบโตที่ลดลงประมาณ 6% จากปี 2561 โดยพื้นที่กรุงเทพฯและหัวหินถือว่าเป็นทำเลที่มีรายได้ต่อห้องพักดีที่สุดแต่ยังคงติดลบที่ 2% เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น ๆ อาทิ กลุ่มท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจที่เข้ามาทดแทนนักท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนซึ่งลดลงจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง ในขณะที่พื้นที่ภาคใต้อย่างภูเก็ต กระบี่ สมุยลดลงมากกว่า 10% เช่นเดียวกับภาคเหนือ อาทิ เชียงใหม่ ที่ปรับตัวลดลง9% ส่วนเมืองพัทยา (ชลบุรี) ซึ่งเป็นทำเลท่องเที่ยวยอดนิยมและอยู่ใกล้กรุงเทพฯลดลง 4%

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันรายได้ต่อห้องพักของไทยยังไม่ถือว่าต่ำที่สุดในภูมิภาค แม้จะมีการลดอัตราค่าเข้าพักเพื่อการแข่งขันในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ นอกจากนั้น ไทยยังมีอัตราการเข้าพักที่สูงอย่างต่อเนื่อง เมื่อสถานการณ์กลับมาเข้าที่ก็จะสามารถฟื้นคืนได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน สถานการณ์เงินบาทแข็งค่าที่หลายฝ่ายกังวลก็เชื่อว่าไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่ก็ยังเป็นความท้าทายหนึ่งเช่นเดียวกันกับภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตช้าของไทย

“เพื่อรักษาการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ในช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวจีนลดลงพร้อมกันทั่วโลกจากนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศอย่างหนักของรัฐบาลจีน ไทยจำเป็นที่จะต้องหันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดที่มีศักยภาพและยังมีโอกาส ได้แก่ ตลาดอินเดีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, สหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมกันแล้วจะมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่กว่า 20% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดของไทย”

ผู้อำนวยการประจำภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกของ STR ยังกล่าวด้วยว่า ช่วงโลว์ซีซั่นคือคีย์ความสำเร็จสำคัญต่อไปของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ที่จะต้องดึงเอาห้วงเวลานี้เข้ามาเป็นโอกาสและกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อเติมเต็มให้กับตลาดโดยรวม นอกจากนั้น ทั้งผู้ประกอบการและภาครัฐจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างโอกาสในการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องของการท่องเที่ยวไทยในอนาคต

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะ 5 ปีที่กำลังจะถึงนี้ที่จำนวนโรงแรมในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นกว่า 50,000 ห้องพักตามแผนที่กลุ่มผู้ประกอบการและนักลงทุนหลายเชนได้วางไว้ โดยแบ่งเป็นโรงแรมในกรุงเทพฯมากกว่า 15,000 ห้อง ดังนั้น ประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องวางแผนการจัดการอุปทานให้เหมาะสม เพื่อโอกาสในระยะยาวของประเทศที่ได้รับความสนใจในการลงทุนจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายบิล เบนสเลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท เบนสเลย์ จำกัด หนึ่งในผู้ร่วมจัดงาน Thailand Tourism Forum 2019 เปิดเผยว่า การจัดงาน Thailand Tourism Forum 2019 ภายใต้คอนเซ็ปต์ BANG BANG เพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย พร้อมหาโอกาสในการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้สามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อย่างยาวนานไม่เสื่อมถอยไปตามกาลเวลา

โดยในการประชุมครั้งนี้จึงได้เตรียมที่จะนำเสนอผลการศึกษาพร้อมคู่มือเกี่ยวกับแนวคิดและคำแนะนำเชิงปฏิบัติตามมาตรฐานความยั่งยืนของโรงแรมที่พัก ภายใต้ชื่อ “Sensible Sustainable Solutions” เพื่อช่วยนำธุรกิจโรงแรมเข้าสู่เส้นทางสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศความยาวกว่า 20 หน้า ใน 16 ประเด็น มานำเสนอต่อผู้ร่วมอุตสาหกรรม พร้อมเตรียมที่จะจัดส่งเอกสารความเข้าใจไปให้กับผู้นำด้านการบริหารจัดการโรงแรมกว่า 300 แห่งทั่วโลกต่อไป

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ

https://www.prachachat.net/tourism/news-413638

 

Leave a Reply

Or

Your email address will not be published. Required fields are marked *