Thu. Apr 25th, 2024
ล้วงลึกอินไซต์ คนอินโดฯ คลั่งช้อป-เที่ยวธีมปาร์ก

ล้วงลึกอินไซต์ คนอินโดฯ คลั่งช้อป-เที่ยวธีมปาร์ก

ลองจินตนาการกันสักหน่อยว่าในอีก 5 – 10 ปีข้างหน้า… ประเทศพี่ใหญ่แห่งชาติอาเซียนอย่าง ‘อินโดนีเซีย’ จะเป็นอย่างไร ฐานประชากรจะเพิ่มเป็นอีกเท่าไร จากที่ปัจจุบันก็มากอยู่แล้วราว 250 ล้านคน แล้วขนาดเศรษฐกิจจะขยายตัวดีแค่ไหน อย่าลืมไปว่าอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มากพร้อมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ

เมื่อคนอินโดฯ มีรายได้มากขึ้น แน่นอนว่ากำลังซื้อด้านท่องเที่ยวย่อมมากตามไปด้วย นับเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงการเติบโตดีวันดีคืน จนต้องจับตา

ข้อมูลอินไซต์ที่น่าสนใจอย่างแรก คือ นักท่องเที่ยวอินโดฯ ส่วนมากเป็นคนเชื้อสายจีน มีกำลังซื้อสูงเพราะเป็นกลุ่ม นายจ้างเสียส่วนใหญ่ กว่า 80% นิยมมาเที่ยวกรุงเทพฯ และพัทยา บ้าช้อปปิ้งเข้าเส้นเลือด ย่านที่ชอบไปจับจ่ายมากที่สุดหนีไม่พ้น ‘ประตูน้ำ’ โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้า ‘แพลทินัม’ ที่คนอินโดฯ ต่างยกนิ้วให้เป็นนัมเบอร์วัน รองลงมา คือ ‘เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟร้อนท์’ และ ‘สวนจตุจักร’ ซึ่งล้วนตอบโจทย์ความรู้สึกสนุกสนานในการช้อปปิ้งเป็นอย่างยิ่ง

คนอินโดฯ บางคน เดินทางมากรุงเทพฯ บ่อยครั้ง พร้อมกระเป๋าเดินทางใบเขื่อง ข้างในว่างเปล่า เพื่อมาขนเสื้อผ้าจากประตูน้ำไปขายที่บ้านเกิดโดยเฉพาะ เพราะสินค้าแฟชั่นของไทยล้ำกว่าที่อินโดฯ ถึง 6 เดือน จนบางโรงแรมแซวมาว่าพนักงานทำความสะอาดห้องที่นักท่องเที่ยวอินโดฯ พักถึงกับปาดเหงื่อเล็กน้อย เพราะต้องเก็บกวาดพวกกล่องกระดาษ ถุงพลาสติกต่างๆ จำนวนมาก อันเป็นร่องรอยของความเพลิดเพลินในการช้อปปิ้งนั่นเอง

นอกเหนือจากแหล่งช้อปปิ้งแล้ว แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังใจกลางกรุง อย่าง ‘มาดามทุสโซ’ ก็ได้รับความนิยมเช่นกันเพราะที่นี่เขาปั้นหุ่นขี้ผึ้งประธานาธิบดี ‘ซูการ์โน่’ เอาใจคนอินโดฯ ให้แวะเวียนมาถ่ายภาพคู่เป็นที่ระลึก

ด้านเมืองหาดทรายชายทะเลอย่าง ‘พัทยา’ ก็เป็นอีกหนึ่งเดสติเนชั่นที่คนอินโดฯ นิยมไป เป็นโอกาสของผู้ประกอบการโรงแรมในพัทยาที่จะคว้าตลาดนี้ไว้ เพื่อชดเชยตลาดนักท่องเที่ยวหมีขาว ‘รัสเซีย’ ที่หล่นฮวบอย่างแรง เพราะพิษค่าเงินรูเบิลร่วงมากกว่า 50% หลังสหรัฐอเมริกาและชาติยุโรปตัดสินใจออกมาตรการกีดกันทางการค้ากับรัสเซีย และกว่าตลาดนี้จะกลับมา น่าจะเวลานานราว 2 – 3 ปีเป็นอย่างต่ำ

แหล่งท่องเที่ยวแบบมนุษย์สร้าง (แมนเมด) ในพัทยา จะเป็นอีกจุดที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอินโดฯ อย่างมากโดยเฉพาะธีมปาร์กอย่างพวกสวนน้ำ สวนสนุก น่าจะมัดใจตลาดกลุ่มครอบครัวได้มากทีเดียว เนื่องจากไทยมีธีมปาร์กใหญ่ๆ ไว้คอยให้บริการจำนวนมาก เพราะเมื่อเทียบกับอินโดฯ ที่แม้จะมีประชากรมาก แต่พวกสวนน้ำ สวนสนุก ยังมีไม่มากที่มีอยู่ก็มีแต่ขนาดเล็กๆ เท่านั้น

หากผู้ประกอบการโรงแรมท่านใด สนใจลงทุนโรงแรมที่แดนอิเหนา เพื่อรองรับการท่องเที่ยวภายในประเทศแล้ว ลองพิจารณาสร้างสวนน้ำภายในโรงแรมด้วย หรือจะแยกสร้างเป็นอีกโปรเจ็คต์ไม่ผูกกับโรงแรมไปเลย น่าจะได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวอินโดฯ เป็นอย่างดี

ขณะที่เรื่องอาหาร กว่า 90% ของคนอินโดฯ นับถือศาสนาอิสลาม เรื่องอาหารจึงเป็นอีกเรื่องที่ผู้ประกอบการโรงแรมต้องให้ความเอาใจใส่ ตั้งแต่กระบวนการปรุงจนถึงการจัดโซนนิ่งเสิร์ฟอาหาร ปัจจุบันหลายๆ โรงแรมได้จัดเตรียมเมนูอาหารเช้าที่ไม่มีหมูเป็นส่วนประกอบแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารฮาลาล 100% เพราะคนอินโดฯ ส่วนใหญ่ไม่เคร่งมากขอแค่ไม่มีหมูก็พอ ต่างจากมุสลิมชาติอื่นๆ เช่น มาเลเซีย หรือแถบตะวันออกกลางที่เคร่งกว่า อาหารที่เสิร์ฟต้องผ่านกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎอาหารฮาลาลทุกกระเบียดนิ้วความเอาใจใส่ความต้องการของตลาดอินโดฯ เชื่อว่าเป็นเรื่องไม่ยากเลย สำหรับผู้ประกอบการไทยในการขยายฐานลูกค้าตลาดมาแรงตลาดนี้ และจะหนุนให้ไทยเป็นเดสติเนชั่นยอดนิยมอันดับ 1 ของคนอินโดฯได้

ปัจจุบันคนอินโดฯ นิยมไปเที่ยวมาเลเซียและสิงคโปร์มากเป็น 2 อันดับแรก แต่ด้วยเพราะวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกันมากระหว่างอินโดฯ กับมาเลเซีย และค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวที่แพงเกินไปในสิงคโปร์ ทำให้ไทยผุดขึ้นมาเป็นตัวเลือกที่คนอินโดฯ สนใจ

แม้พักหลังๆ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ จะบุกทำตลาดดึงคนอินโดฯ ไปเที่ยวและช้อปปิ้งอย่างหนักหน่วง ผ่านการออกมาตรการผ่อนปรนด้านวีซ่า แต่คนอินโดฯ ก็นิยมไปเที่ยวทั้ง 2 ประเทศในช่วงพีคซีซั่นเท่านั้น ทั้งช่วงเทศกาลฮานามิ ชมดอกซากุระบานในช่วงปลายมีนาคมถึงต้นพฤษภาคมในแต่ละปี และเล่นสกีที่เกาหลีในช่วงฤดูหนาว สุดท้าย… ก็กลับมาเที่ยวไทยเหมือนเดิม แถมยังบอกด้วยนะว่า “เที่ยวไทย… สนุกที่สุดแล้ว” นักท่องเที่ยวอินโดฯ หลายคนมาเที่ยวกรุงเทพฯ – พัทยามากกว่า 3 – 4 ครั้งแล้ว ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าทั้งสองเมืองยังมีอะไรให้เที่ยวอีกเยอะ ไม่ว่ามากี่ครั้ง ก็ยังไม่อิ่มอยู่ดี

ล่าสุด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่ายอดนักท่องเที่ยวอินโดฯ ในปีนี้มีโอกาสทะลุ 600,000 คน หลังจากในช่วงปี 2553 – 2556 มียอดคนอินโดฯ เที่ยวไทยเติบโตมากกว่า 100% จากกว่า 200,000 คน เพิ่มเป็น 598,000 คน แม้ปีที่แล้ว ยอดอาจมีสะดุดไปบ้าง ลดลงเหลือ 505,000 คน เพราะปัญหาการเมืองในบ้านเรา แต่ ททท. เองก็คาดว่าปีนี้จะเข้ามาเที่ยวไทยถึง 600,000 คนแน่นอน ขณะที่ผู้ประกอบการนำเที่ยวที่คลุกคลีกับตลาดอินโดฯ มานาน ถึงกับฟันธงว่าอย่างไรเสียปีนี้มีคนอินโดฯ เที่ยวไทยมากกว่า 800,000 คนแน่นอน และจะเพิ่มมากขึ้นแตะ 1 ล้านคนได้ในปีหน้า ด้วยปัจจัยเอื้ออย่างการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในช่วงสิ้นปีนี้

แถมยังมีปัจจัยบวกอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันด้านราคาของสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) เส้นทางไทย – อินโดฯ ก็หนุนกระแสการเดินทางได้ดี ปัจจุบันมีสายการบินพรีเมียมและโลว์คอสต์บินมากกว่า 70 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รวมถึงบรรยากาศการเมืองและเศรษฐกิจที่ดีของอินโดนีเซีย ภายหลังมีประธานาธิบดีคนใหม่ คุณโจโก วีโดโด มาบริหารประเทศ โดยตั้งเป้าการเติบโตของจีดีพีไม่ต่ำกว่า 6% ทำให้คนอินโดฯ มีรายได้ดีขึ้น และจับจ่ายด้านท่องเที่ยวมากขึ้น

ที่สำคัญ… ไทยยังครองตำแหน่งแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ในราคาคุ้มค่าที่คนอินโดฯ ยินดีจ่ายไม่อั้น