พิษโควิดทุบซ้ำ ‘เอเย่นต์ทัวร์’ ธุรกิจช็อก! ลุ้น ‘ไทยเที่ยวไทย’ ต่อลมหายใจ

พิษโควิด-19 ลามหนัก “เอเย่นต์ทัวร์” กุมขมับนักท่องเที่ยวหายเกลี้ยงทั้งตลาดอินบาวนด์-เอาต์บาวนด์ วงในเผยตลาดหลัก “จีน-ญี่ปุ่น-เกาหลี-สิงคโปร์-ฮ่องกง” หยุดเดินทาง ขณะที่ตลาดระยะไกล “อเมริกา-ยุโรป-รัสซีย”มอนิเตอร์วันต่อวัน ผู้ประกอบการดิ้นขอรัฐออกมาตรการอุ้มรายวัน วอนแอร์ไลน์-โรงแรมคืนเงิน ด้าน “ธนพล ชีวรัตนพร” นายก TTAA แนะโฟกัสตลาด “ไทยเที่ยวไทย” ต่อลมหายใจ

แหล่งข่าวในธุรกิจท่องเที่ยวรายหนึ่งเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ถือว่าภาคธุรกิจท่องเที่ยวของไทยก้าวสู่ภาวะวิกฤตเต็มรูปแบบอย่างแท้จริง เนื่องจากตลาดท่องเที่ยวอินบาวนด์ (ขาเข้า) โดยเฉพาะตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักที่ส่งออกนักท่องเที่ยวเข้าไทย จำนวน 10-11 ล้านคนต่อปี หยุดเดินทางทั้งหมดแล้ว ขณะที่ตลาดหลักอื่น ๆ ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมากกว่า 1 ล้านคน ได้ชะลอและหยุดเดินทางอย่างชัดเจนแล้วเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น, เกาหลี, สิงคโปร์, ฮ่องกง, เวียดนาม, ลาว, มาเลเซีย รวมถึงไต้หวัน, สิงคโปร์ ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่า 7 แสนคนต่อปี

“อินบาวนด์-เอาต์บาวนด์” วิกฤต

ทั้งนี้ จะพบว่าประเทศหลัก ๆ เหล่านี้ส่งออกนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทย รวมกันจำนวนมากกว่า 20 ล้านคนต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ราว 60% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทย ที่มีจำนวนประมาณ 40 ล้านคนในปีที่ผ่านมา จากตัวเลขดังกล่าวนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ภาคธุรกิจท่องเที่ยวของไทยกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก หลังจากที่ก่อนหน้านี้เผชิญมาหลายวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นมาตรการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญเมื่อปี 2559-2560 หรือเหตุเรือนักท่องเที่ยวล่มที่ภูเก็ตเมื่อกลางปี 2561

เช่นเดียวกับในส่วนตลาดทัวร์เอาต์บาวนด์ (ขาออก) นักท่องเที่ยวคนไทยก็ได้หยุดเดินทางเข้าจีนไป 100% รวมทั้งหยุดและชะลอการเดินทางไปยังประเทศใกล้เคียงและประเทศที่มีการเตือนให้เฝ้าระวังอย่างชัดเจนแล้วเช่นกัน อาทิ ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, ไต้หวัน, เกาหลี, ฮ่องกง เป็นต้น และไม่เพียงตลาดอินบาวนด์และเอาต์บาวนด์ระยะใกล้เท่านั้นที่หยุดการเดินทาง ตลาดระยะไกลทั้งอเมริกา, ยุโรป, รัสเซีย ฯลฯ ก็อยู่ในภาวะชะลอการเดินทางและมอนิเตอร์สถานการณ์รายวันเช่นกัน

“เอเย่นต์ทัวร์” กุมขมับ

“ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ กลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ บริษัทนำเที่ยว หรือเอเย่นต์ทัวร์ ตัวกลางในการประสานงานระหว่างนักท่องเที่ยวกับส่วนบริการต่าง ๆ เช่น โรงแรม, สายการการบิน, แหล่งท่องเที่ยว,ร้านอาหาร, รถบัสนำเที่ยว ฯลฯ ซึ่งในหลักการทำธุรกิจเมื่อมีลูกค้าซื้อบริการเอเย่นต์ทัวร์จะนำเงินบางส่วนที่ลูกค้าจ่ายมัดจำไว้ไปจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน, โรงแรม, ร้านอาหาร ฯลฯ” แหล่งข่าวกล่าว และว่า จากการประกาศแจ้งเตือนให้ระมัดระวังการเดินทางไปยังประเทศที่มีความสุ่มเสี่ยงของกระทรวงสาธารณสุขที่ผ่านมา ทำให้ลูกค้าจำนวนมากกังวลและไม่อยากเดินทาง ทำให้เกิดการแจ้งยกเลิกการเดินทางและขอเงินคืนจำนวนมาก ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ เอเย่นต์ทัวร์ไม่มีเงินสำรองจ่ายคืนให้กับลูกค้า เพราะสายการบิน, โรงแรม ฯลฯ บางส่วนก็ยังไม่มีนโยบายคืนเงินให้ลูกค้าเช่นกัน

“ลูกทัวร์” แห่ขอเงินคืน

นายธนพล ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แตงโม ทัวร์ จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากความห่วงใยของกระทรวงสาธารณสุขที่ออกประกาศให้ระวังและเลี่ยงการเดินทางไปญี่ปุ่น สิงคโปร์ มีผลกระทบอย่างมาก ลูกค้าจำนวนมากยกเลิกการเดินทาง ขณะที่สายการบินก็ยังไม่สามารถคืนเงินให้กับทางเอเย่นทัวร์ได้

“เราเป็นบริษัทนำเที่ยวไม่ได้เป็นเจ้าของสายการบิน บางสายการบินยอมให้เราเลื่อนการเดินทางได้ แต่เงินที่เราจ่ายไปแล้วก็อยู่ที่สายการบินอยู่ดี ซึ่งตอนนี้ก็มีสายการบินเพียงไม่กี่สายที่ให้ลูกค้าเลื่อนวันเดินทางได้ ส่วนใหญ่ไม่ยอมและไม่คืนเงิน ตอนนี้เอเย่นต์ทัวร์เดือนร้อนหนักมากเพราะลูกค้าไม่เข้าใจ”

ลามหนักทั่วภูมิภาค “เอเชีย”

นายธนพลกล่าวด้วยว่า นอกจากตลาดจีนที่หยุดเดินทางทั้งหมดแล้ว ขณะนี้ตลาดการเดินทางระยะสั้นและระยะกลาง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียได้รับผลกระทบทั้งระบบทั้งอินบาวนด์-เอาต์บาวนด์ ยกเว้นตลาดระยะไกลอย่างยุโรป, อเมริกา, รัสเซีย, ออสเตรเลีย ที่ยังกระทบไม่มากนัก แต่ด้วยการเดินทางระยะไกลของคนไทย คิดเป็นสัดส่วนราว30% ของจำนวนคนไทยเที่ยวต่างประเทศทำให้เป็นความหวังหนึ่งที่น่าจะพอพยุงให้ผู้ประกอบการเอาต์บาวนด์ประคองตัวต่อไปได้บ้าง

“โอกาสของตลาดเอาต์บาวนด์ตอนนี้ คือ ต้องกลับมาทำทัวร์ภายในประเทศ และหวังว่ารัฐบาลจะมีนโยบายสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศออกมาและเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้พวกเรายังสามารถประคับประคองพนักงานไว้ได้” นายธนพลกล่าวและว่า ปัญหาขณะนี้คือผู้ประกอบการขาดสภาพคล่อง ซึ่งส่วนใหญ่ยังรอมาตรการความช่วยเหลือจากทางภาครัฐต่อไป

“ทัวร์ไทย” ยกเลิกยัน เม.ย.

นายยุทธชัย สุนทรรัตนเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท โดม ฮอลิเดย์ แทรเวิล เซอร์วิส จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า วิกฤตรอบนี้ทำให้วงจรธุรกิจท่องเที่ยวชอร์ตทั้งระบบ ทั้งเส้นทางท่องเที่ยวระยะใกล้และระยะไกล เนื่องจากบรรยากาศการเดินทางไม่เอื้อ คนไม่มีความมั่นใจการเดินทาง อย่างไรก็ตาม เท่าที่เห็นปรากฏการณ์ในขณะนี้ คือ ตลาดที่เป็นรายได้หลักอย่างญี่ปุ่น, จีน, ไต้หวัน สิงคโปร์ และเกาหลี ได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรง ส่วนเส้นทางระยะไกลก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เพียงแต่ไม่รุนแรงเท่ากับเอเชีย

“ตอนนี้ทั้งอินบาวนด์-เอาต์บาวนด์กระทบหมด มีปัญหาเรื่องเทคนิค การคืนเงิน การยกเลิก เต็มไปหมด เพราะผู้ประกอบการเริ่มขาดสภาพคล่อง ไม่สามารถคืนเงินให้ลูกค้าได้ทั้งหมด เนื่องจากอำนาจการคืนเงินให้ลูกค้าไม่ได้อยู่ที่เอเย่นต์ เอเย่นต์ก็ต้องรอโฮลเซล โฮลเซลก็รอสายการบิน ฯลฯ ยิ่งตอนนี้ปริมาณการยกเลิกเยอะ ก็ยิ่งเกิดความไม่เข้าใจรุนแรง” นายยุทธชัยกล่าว

และว่า ขณะนี้กระแสการแห่ยกเลิกการเดินทางตอนนี้ไหลไปถึงโปรแกรมการเดินทางช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนแล้ว และพบว่าการหยุดชะงักในช่วงเวลาประมาณ 2 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์-เดือนเมษายนนี้ จำนวนคนไทยที่ไปเที่ยวต่างประเทศน่าจะหายไปไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน

แนะปรับโครงสร้างทั้งระบบ

ด้านนายสุรวัช อัครวรมาศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ที.เค. ทัวร์ เอ็นเตอร์ไพร้ส์ จํากัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ส่วนตัวมองรัฐบาลควรใช้โอกาสนี้ปรับโครงสร้างของธุรกิจการท่องเที่ยวใหม่ทั้งระบบ โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยสิ่งที่อยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพิจารณาในขณะนี้ คือ ตีโจทย์ให้แตกว่าปัญหาจริง ๆ ขณะนี้อยู่ตรงไหน ทำไมทุกซัพพลายเชนเดือดร้อนขนาดนี้ เพื่อให้การดำเนินการแก้ปัญหาเป็นไปอย่างถูกต้อง

“การท่องเที่ยวของไทยเผชิญกับวิกฤตมาหลายรอบ คนที่ทำทัวร์อินบาวนด์ก็เจอปัญหาอย่างหนักมาหลายครั้ง แต่ยอมรับว่าวิกฤตรอบนี้รุนแรงจริง ๆ ดังนั้นหลักการแก้ปัญหาต้องมีระบบที่เป็นมาตรฐานขึ้น และช่วยให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอีแข็งแรงและสามารถเติบโตได้” นายสุรวัชกล่าว

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ

https://www.prachachat.net/tourism/news-424248

kanokkan

See author's posts