Fri. Mar 29th, 2024
ททท

“ททท.ไทเป” เตรียมฟื้นตลาดแก้เกมยอดร่วงกว่า 70%

“โควิด” ทุบตลาดไต้หวันครึ่งปีแรกร่วง 70% ฉุดเศรษฐกิจถดถอย-คนตกงานเพิ่ม ททท.สำนักงานไทเปมั่นใจหลังโรคระบาดคลี่คลาย เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวฟื้นตามลำดับแน่ คาดตุลาคมได้เห็นแทรเวลบับเบิล-ไทยอยู่กลุ่มความเสี่ยงต่ำ โอกาสเดินทางสูงเผยกลุ่ม “วัยทำงาน” ทาร์เก็ตหลัก ขณะที่ “ผู้สูงวัย-ครอบครัว” ยังผวาเดินทาง ฟากเอเย่นต์ย้ำ SHA สร้างความได้เปรียบ เรียกความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว

นายชูเกียรติ โพธิโต ผู้อำนวยการ และนางสาวบีทริซ เฉิน ผู้จัดการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานไทเป ร่วมกันเปิดเผยว่า หลังจากการเข้ามาของไวรัสโควิด-19 จำนวนนักท่องเที่ยวไต้หวันที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวครึ่งปีแรกมีจำนวนลดลงกว่า 70% จากการลดลง 40% ในไตรมาส 1 และการลดลงกว่า 100% ในไตรมาส 2 ของปี แม้ว่าในเดือนมกราคมจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตกว่า 27%และมีแนวโน้มจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง

โดยปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ในไต้หวันเริ่มคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากไม่พบผู้ติดเชื้อมามากกว่า 100 วันแต่เศรษฐกิจไต้หวันในไตรมาส 1-2 ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยจีดีพีในไตรมาส 1 ลดลงต่ำที่สุดในรอบ 4 ปีเติบโตเพียง 1.59% ดัชนีราคาผู้บริโภคลดลง 0.32% และในเดือนพฤษภาคมมีจำนวนผู้สูญเสียงานกว่า 481,000 คนหรือประมาณ 4.03% รวมถึงเงินเดือนเฉลี่ยของคนไต้หวันลดลง 0.01%

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลังสถานการณ์คลี่คลายเป็นลำดับ สภาวะเศรษฐกิจของไต้หวันจะค่อย ๆ ฟื้นฟูขึ้น และปัจจุบันรัฐบาลไต้หวันให้ความสำคัญกับการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศโดยการออกโวเชอร์จับจ่ายใช้สอยให้กับประชาชน พร้อมทั้งเริ่มผลักดันให้ประชาชนออกท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น หลังจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงถึงจุดต่ำสุดในเดือนเมษายนที่ผ่านมา

สำหรับการท่องเที่ยวระหว่างประเทศหรือ travel bubble นั้น รัฐบาลไต้หวันเริ่มจัดแบ่งกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงมาก-น้อยแล้ว โดยกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำประกอบไปด้วย นิวซีแลนด์, ออสเตรเลีย, มาเก๊า, ปาเลา, บรูไน, เวียดนาม, ฮ่องกง, ไทย, มองโกเลีย และภูฏาน ส่วนกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงปานกลางประกอบไปด้วย เกาหลี, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย และสิงคโปร์ จึงเชื่อว่ากลุ่มประเทศแรกที่นักท่องเที่ยวไต้หวันจะเลือกเดินทางมาก่อน คือ ประเทศไทย เวียดนาม และเกาหลีใต้

นโยบายของรัฐบาลไต้หวันได้กำหนดว่า หลังจากวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมาได้เข้าสู่ขั้นที่ 1 เริ่มผ่อนคลายการเสิร์ฟอาหารในขนส่งสาธารณะ รวมถึงอาจไม่ต้องสวมหน้ากากถ้าอยู่ในระยะห่างทางสังคมที่เหมาะสม ส่วนในขั้นที่ 2 ที่จะเริ่มในเดือนสิงหาคมจนถึงสิ้นสุดเดือนตุลาคม โดยรัฐบาลไต้หวันจะอุดหนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศโดยการอุดหนุนราคาตั๋วแหล่งท่องเที่ยว ราคารถบัส และอื่น ๆ

รวมถึงการสวมหน้ากาก การเว้นระยะห่าง การตรวจอุณหภูมิร่างกายอาจจะไม่บังคับใช้ต่อ ส่วนขั้นที่ 3 การเปิดประตูสู่การท่องเที่ยวต่างประเทศจะเป็นขั้นตอนสุดท้าย และน่าจะเริ่มได้ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมไปจนถึงสิ้นปี 2563 พร้อมกับการทำแทรเวลบับเบิลซึ่งต้องหมายความว่าทั้งไต้หวันและประเทศปลายทางจะต้องปลอดเชื้อไวรัสโควิด

สอดคล้องกับคาดการณ์การกลับมาเปิดบินของสายการบินต่าง ๆ โดย ททท.สำนักงานไทเปเชื่อว่าสายการบินไทยและไลอ้อนแอร์จะกลับมาเปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้ ในขณะที่สายการบินไทยสมายล์ อีวาแอร์ และไชน่าแอร์ไลน์ จะเปิดให้บริการตามมาในเดือนถัด ๆ ไป

นอกจากนั้น ททท.ยังคาดว่ายากที่นักท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงวัย ครอบครัวและเยาวชนจะเดินทางได้ในระยะเวลาอันใกล้ จากความกังวลและความพร้อมในการเดินทาง ดังนั้น กลุ่มวัยทำงานอายุประมาณ 25-45 ปี มีความกังวลในการเดินทางต่ำ มีศักยภาพในการซื้อ และพร้อมที่จะเดินทางตลอดทั้งปี จึงกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่สำคัญหลังโควิด

นอกจากนั้น เชื่อว่านักท่องเที่ยวจะเลือกเดินทางอิสระด้วยตนเอง หรือเดินทางกลุ่มเล็กแบบมินิกรุ๊ปจนกลายเป็นเทรนด์ใหม่ ส่วนกลุ่มไมซ์อาจมีศักยภาพที่จะเดินหน้าต่อได้ แต่ต้องการการจับตาอย่างใกล้ชิด

“แม้ว่านักท่องเที่ยวจะให้ความสำคัญกับราคาและการทำโปรโมชั่นของเดสติเนชั่นต่าง ๆ แต่สุดท้ายนักท่องเที่ยวไต้หวันจะให้คุณภาพของการท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมาเป็นอันดับ 1 ความชื่นชอบและประทับใจจึงจะเป็นตัวตัดสิน และราคาจะสำคัญรองลงมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่นักท่องเที่ยวเริ่มให้ความสนใจกับประสบการณ์ท้องถิ่นและการรักษาสิ่งแวดล้อม” นายชูเกียรติกล่าว

ด้านนายอีธาน หวัง รองผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน ทราเวล จำกัดกล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสกระทบต่อบริษัทนำเที่ยวในไต้หวันโดยตรง เนื่องจากรายได้ที่กลายเป็นศูนย์ รวมถึงทุนและทรัพยากรได้รับผลกระทบ กระนั้นก็ตามบริษัทก็เตรียมพร้อมสำหรับการเปิดให้บริการหลังโควิด-19 คลี่คลายแล้ว โดยจะโฟกัสกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจนักท่องเที่ยวอิสระ นักท่องเที่ยวกลุ่มบริการลูกค้า นักท่องเที่ยวกลุ่มกรุ๊ปพิเศษและนักท่องเที่ยวกลุ่มอินเซนทีฟ

เชื่อว่ามาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเพื่อนักท่องเที่ยว (Amazing Thailand safety & health administration: SHA) จะมีความสำคัญต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยว และทำให้นักท่องเที่ยวไต้หวันเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทย เช่นเดียวกับที่บริษัทเลือกทำธุรกิจกับบริษัทหรือเอเย่นต์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานก่อน

ส่วนนางสาวซันนี่ หลิว ผู้จัดการอาวุโส บริษัท เซ็ท ทัวร์ จำกัดกล่าวเสริมว่า ในกลุ่มนักท่องเที่ยวอิสระของไต้หวันมีจุดหมายปลายทางอันดับ 1 เป็นญี่ปุ่น รองลงมาเป็นเกาหลีใต้และไทย ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์เลือกเวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 รองลงมาเป็นยุโรปและไทย ในขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์เลือกญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 รองลงมาเป็นยุโรปและไทยเช่นกัน นอกจากนั้นเชื่อว่ากลุ่มมินิกรุ๊ปจะออกเดินทางก่อนในเดือนตุลาคมและจะกลายเป็นนักท่องเที่ยวหลักของตลาดไต้หวัน

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ https://www.prachachat.net/tourism/news-502370

Leave a Reply

Or

Your email address will not be published. Required fields are marked *