Sat. Oct 12th, 2024

เทรนด์ท่องเที่ยวประจำปี 2020 ชาวไทยใส่ใจสิ่งแวดล้อม เที่ยวเมืองรองมากขึ้น

จากการไปตามคำแนะนำของเทคโนโลยีประมวลผล มาสู่เทรนด์การเที่ยว “เมืองรอง” Booking.com ชวนคุณมาค้นพบว่าปีหน้าเทรนด์อะไรจะมาแรงในแวดวงการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวไทย

 

กรุงเทพฯ 10 ตุลาคม 2019 – เนื่องจากการเข้าสู่ปีใหม่ครั้งนี้เป็นการเข้าสู่ทศวรรษใหม่ด้วยเช่นกัน จึงส่งผลให้ความต้องการ พฤติกรรม และความปรารถนาด้านการเดินทางของเราพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ โลกทุกวันนี้ยังคงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เช่นเดียวกับเหล่านักสำรวจ ด้วยภารกิจที่ต้องการช่วยให้ทุกคนออกไปสำรวจโลกกว้างได้ง่ายขึ้น Booking.com จึงคาดการณ์ว่าปี 2020 จะเป็นปีแห่งการท่องเที่ยวเชิงสำรวจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยแรงขับเคลื่อนของเทคโนโลยี รวมถึงความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนความผูกพันที่ลึกซึ้งขึ้นต่อผู้คนและสถานที่ที่เราไปเยือน ด้วยความเชี่ยวชาญในฐานะผู้นำของแวดวงการเดินทางและเทคโนโลยี พ่วงด้วยผลสำรวจจากกลุ่มนักเดินทางมากกว่า 22,000 คนจาก 29 ประเทศ อีกทั้งข้อมูลเชิงลึกจากรีวิวของผู้เข้าพักกว่า 180 ล้านรายการที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว ทั้งหมดนี้นำมาสู่บทสรุปเทรนด์ท่องเที่ยวซึ่งเราคาดไว้ว่าจะกลายเป็นจริงในปีหน้าและปีต่อ ๆ ไป

  1. กระแสเที่ยว “เมืองรอง” จะมาแรงขึ้น

การเที่ยวเมืองรอง หมายถึง การไปสำรวจจุดหมายที่เป็นที่รู้จักน้อยกว่า เพื่อพยายามลดปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมืองและช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อม โดยเทรนด์ท่องเที่ยวนี้จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีที่จะมาถึง ผู้เดินทางชาวไทยจำนวนมากกว่าครึ่ง (68%) อยากมีส่วนร่วมในการลดปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง (จาก 54% ของผู้เดินทางทั่วโลก) ส่วน 65% ต้องการเปลี่ยนแผนไปเที่ยวจุดหมายอื่นที่เป็นที่รู้จักน้อยกว่าแต่คล้ายกับของเดิม หากพบว่าจะช่วยลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม และเพื่อกระตุ้นความสนใจนี้ยิ่งขึ้น ผู้เดินทางชาวไทยมากกว่าสามในสี่ 79% อยากให้มีบริการ (แอปพลิเคชัน/เว็บไซต์) แนะนำจุดหมายที่หากมีผู้ไปเที่ยวเพิ่มขึ้นแล้วจะช่วยสร้างผลเชิงบวกให้กับชุมชนท้องถิ่นนั้น ๆ ซึ่งคาดการณ์ได้เลยว่าบริษัทต่าง ๆ จะตอบสนองต่อความต้องการนี้ โดยเสนอฟังก์ชั่นที่ทำให้ผู้เดินทางสามารถระบุเมืองรอง/ละแวกจุดหมายได้ง่ายขึ้น โดยฟังก์ชั่นนี้จะทำความเข้าใจกับสไตล์ของผู้เดินทาง แล้วนำไปจับคู่กับจุดหมายทางเลือก หรือจุดหมายที่เป็นที่รู้จักน้อยกว่าในประเทศหรือภูมิภาคที่ผู้เดินทางต้องการไป นอกจากนี้ความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นในแวดวงการเดินทาง จะทำให้แคมเปญสร้างความตระหนักให้เกิดขึ้นจำนวนมาก อีกทั้งช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ไปสู่การกระตุ้นให้ผู้เดินทางเลือกใช้เส้นทางที่มีการเดินทางไปน้อยกว่าได้สะดวกยิ่งขึ้น

  1. ให้เทคโนโลยีคาดการณ์สิ่งที่ไม่คาดคิด

ในปี 2020 ผู้เดินทางจะใช้เทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น ในกระบวนการตัดสินใจหลัก ๆ อย่างการเลือกว่าจะไปเยือนมุมใดของโลกที่แสนน่าทึ่งนี้ ซึ่งอาจมีตัวเลือกมากมายจนตัดสินใจไม่ถูก ทว่าในปีที่ใกล้เข้ามานี้จะมีการใช้เทคโนโลยีสุดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและช่วยให้เราก้าวข้ามเรื่องยุ่งยากนี้ได้อย่างง่ายดาย ด้วยคำแนะนำที่ชาญฉลาดและเทคโนโลยีประมวลผลที่เชื่อถือได้ จะเชื่อมโยงเรากับประสบการณ์ใหม่ ๆ จำนวนมหาศาล ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะเทคโนโลยีแล้วเราก็อาจไม่ได้มีโอกาสสัมผัส นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดเวลา (รวมถึงเวลาที่ใช้นั่งหน้าจอดิจิทัล) และช่วยให้เราใช้ทุกนาทีของ “ตอนนี้” ได้อย่างเต็มที่ระหว่างออกเดินทาง

นี่เรียกได้ว่าเป็นข่าวดีสำหรับผู้เดินทางชาวไทยมากกว่า 4 ใน 5 (82%) ซึ่งกล่าวว่าต้องการให้ผู้ประกอบการเทคโนโลยีเสนอ “ไพ่เด็ด” และตัวเลือกสุดเซอร์ไพรส์ ซึ่งจะพาไปพบกับประสบการณ์แปลกใหม่อย่างแท้จริงสำหรับทริปในปีที่จะมาถึง นอกจากนี้ ผู้เดินทางไทยมากกว่าครึ่ง (64%) เน้นว่าระหว่างเดินทางจะใช้แอปพลิเคชันที่ทำให้เลือกดูและจองกิจกรรมแบบเรียลไทม์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ในขณะที่ผู้คนจำนวนใกล้กัน (61%) มีแผนที่จะใช้แอปพลิเคชั่นซึ่งสามารถวางแผนกิจกรรมต่าง ๆ ล่วงหน้า เพื่อให้มีคำตอบรวมอยู่ในที่เดียว และเพื่อตอบสนองความต้องการนี้ ในปี 2020 จะมีแอปพลิเคชันจำนวนมากยิ่งขึ้นมาพร้อมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่คอยเสนอคำแนะนำสำหรับผู้ใช้รายนั้น ๆ โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นจุดหมาย ที่พัก และกิจกรรมน่าสนใจ โดยอิงตามความชอบในปัจจุบัน ทริปก่อนหน้า และองค์ประกอบหลักที่อาจส่งผลกระทบได้ เช่น สภาพอากาศและความนิยม

  1. เที่ยวแบบสโลว์ ๆ จะมาแทน #FOMO

แทนที่จะต้องคอยกลัวตกกระแส (Fear of Missing Out หรือ FOMO) และต้องเร่งรีบทำทุกอย่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การเดินทางในปี 2020 นั้นจะพลิกโฉมไปเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยผู้เดินทางชาวไทยมากกว่าครึ่ง (61%) วางแผนที่จะใช้รูปแแบบการเดินทางที่ช้าลงเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และ 3 ใน 4 (78%) อยากเลือกเส้นทางที่ใช้เวลาเพิ่มขึ้นเพื่อสัมผัสประสบการณ์จากการเดินทางให้มากขึ้น รูปแบบการเดินทางซึ่งช่วยสนับสนุนความต้องการที่เปลี่ยนไป ก็จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขี่จักรยาน รถราง เลื่อนลาก เรือ รวมถึงเดินด้วยสองเท้าของนักเดินทางเอง ตามจริงแล้วผู้เดินทางชาวไทย 75% ไม่เกี่ยงว่าจะต้องใช้เวลาเดินทางไปจุดหมายนานขึ้น หากได้ใช้วิธีเดินทางแบบแปลกใหม่  นอกจากนี้ ผู้เดินทาง 73% อยากสัมผัสถึงความรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลา ด้วยการนั่งรถไฟสายประวัติศาสตร์ (เช่น Flying Scotsman หรือ Orient Express) เฝ้ารอปีแห่งการเดินทางสุดพิเศษแบบค่อยเป็นค่อยไปได้เลย

  1. ค้นพบการท่องเที่ยวที่สัมผัสความสนุกได้แบบครบครัน

โลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็วทำให้ผู้คนส่วนใหญ่มักไม่มีเวลาว่างพอ เป็นเหตุให้ไม่ได้เริ่มทริปหรือหยุดพักผ่อน ผู้เดินทางต่างต้องการใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพที่สุดระหว่างพักผ่อน ดังนั้น แทนที่จะเที่ยวแค่แบบเดียวตลอดทริป ในปี 2020 จะมีผู้เดินทางที่ต้องการทริปแบบ “ความสนุกครบครัน” เพิ่มขึ้น โดยไปเยือนจุดหมายที่มอบประสบการณ์หลากหลายและมีสิ่งน่าสนใจ โดย 7 ใน 10 ของผู้เดินทางชาวไทย (71%) กล่าวว่าต้องการออกทริปยาว ๆ สักครั้งเพื่อไปยังสถานที่ที่มีกิจกรรมและสิ่งที่น่าสนใจสุดโปรดทั้งหมดอยู่ใกล้กัน และอีก 77% ยอมรับว่าจะเลือกจุดหมายที่มีกิจกรรมและสิ่งที่น่าสนใจสุดโปรดทั้งหมดอยู่ใกล้กันเพื่อจะได้ประหยัดเวลาเดินทาง จากเทรนด์นี้จึงทำให้คาดได้ว่า แวดวงการเดินทางจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้ผู้เดินทางสะดวกยิ่งขึ้น โดยสร้างแผนเดินทางที่อัดแน่นด้วยความสนุกและสิ่งที่น่าสนใจหลากหลาย ข้อเสนอ และเส้นทางที่จะทำให้ผู้เดินทางได้เที่ยวจุดหมายสนุกครบครันเหล่านี้อย่างเต็มที่

เมื่อพูดถึงจุดหมายที่มีครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ธรรมชาติโดดเด่น ซึ่งสามารถดื่มด่ำได้จากระเบียงห้องพักไปจนถึงสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ สวนสุดตื่นตา และชายหาดสำหรับเล่นน้ำคลายร้อน เพื่อผ่อนคลายหลังออกสำรวจมากทั้งวัน ปิดท้ายด้วยมื้อเย็นที่ร้านอาหารท้องถิ่นรสดั้งเดิม จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้เดินทางที่ใช้บริการ Booking.com ต่างกล่าวว่าจุดหมายอันดับต้น ๆ ที่สามารถมอบประสบการณ์ความสนุกแบบครบครันให้กับนักท่องเที่ยวได้ คือ มอนเตวิเดโอ (อุรุกวัย) อิลญาเบลา (บราซิล) และนาฮะ (ญี่ปุ่น) เมื่อเทียบกับจุดหมายอื่น ๆ

  1. สัตว์เลี้ยงต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง

เจ้าของสัตว์เลี้ยงทั่วโลกเกินครึ่ง (55%) กล่าวว่าให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเหมือนเป็นลูก รวมถึง 53% ของเจ้าของสัตว์เลี้ยงชาวไทยด้วยเช่นกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่เทรนด์การเดินทางปี 2020 นี้จะถือเป็นจุดเริ่มต้นยุคใหม่ของการพักผ่อนโดยมีสัตว์เลี้ยงเป็นศูนย์กลาง กล่าวคือเมื่อเลือกจุดหมาย ที่พัก และกิจกรรม เราจะได้เห็นผู้เดินทางให้ความสำคัญกับความต้องการของสัตว์เลี้ยงแสนรักก่อนตัวเอง

เจ้าของสัตว์เลี้ยงชาวไทย 52% ยอมรับว่าในปีหน้าจะเลือกจุดหมายพักร้อนโดยอิงจาก ความเป็นไปได้ในการพาสัตว์เลี้ยงไปด้วย และเจ้าของสัตว์เลี้ยงจำนวน 52% ก็ยินดีที่จะจ่ายเพิ่มเพื่อพัก ณ ที่พักซึ่งเป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง เทรนด์นี้เห็นได้ชัดจากจำนวนที่พักซึ่งยินดีต้อนรับสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องบน Booking.com แม้ว่าผู้ประกอบการที่พักจะตระหนักถึงความต้องการนี้ แต่ผู้ประกอบการที่พักทั่วโลกก็ยังคงมองหาวิธีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เช่น ที่นอนสุนัข สปาสัตว์เลี้ยง เมนูรูมเซอร์วิส หรือแม้แต่ห้องอาหารที่ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อสัตว์เลี้ยง เรียกได้ว่าสัตว์เลี้ยงที่เดินทางพักร้อนพร้อมเจ้าของสามารถตั้งตารอประสบการณ์ระดับ 5 ดาวได้อย่างแน่นอน

  1. สร้างความทรงจำดี ๆ ด้วย “ทริปสองวัย”

ปี 2020 เป็นปีแห่ง “ทริปสองวัย” ลืมคำว่าช่องว่างระหว่างวัยไปได้เลย เพราะจะมีปู่ย่าตายายจำนวนมากขึ้นที่พร้อมไปพักร้อนอย่างยิ่งใหญ่กับหลาน ๆ โดยไม่ได้พาคนเป็นพ่อแม่ไปด้วย ชาวไทยในรุ่นปู่ย่าตายายเกือบ 3 ใน 4 (74%) ยอมรับว่าการใช้เวลากับหลาน ๆ ทำให้ตนเองได้รู้สึกย้อนวัย โดยอีก 56% เชื่อว่าเหล่าพ่อแม่ก็อยากมีเวลาเป็นส่วนตัวบ้างโดยไม่มีเด็ก ๆ มารบกวน เมื่อจับคู่กับความจริงที่ว่าผู้สูงวัยทุกวันนี้แข็งแรงกว่า ชอบผจญภัยมากกว่า และกระตือรือร้นที่จะได้รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็ก อีกทั้งกระฉับกระเฉงกว่าเมื่อก่อน เราก็จะได้เห็นว่า “ทริปสองวัย” ซึ่งมีกิจกรรมสุดแอคทีฟมากมายให้คนสองวัยได้เข้าร่วมนั้น จะได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีกในปีหน้า

  1. แข่งกันไปจองร้านอาหาร

เมื่อต้องตัดสินใจเรื่องท่องเที่ยวในปีหน้า จะเห็นว่าผู้เดินทางต่างให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารเป็นอันดับแรก ๆ โดยต่างแย่งกันจองร้านอาหารดัง ๆ สำหรับหลายคนแล้ว การเลือกจุดหมายและช่วงที่จะเดินทางนั้นเริ่มต้นจาก (และขึ้นอยู่กับว่า)สามารถจองร้านเพื่ออิ่มอร่อยกับอาหารที่อยากทานมาก ๆ ได้หรือไม่ ซึ่งหลายครั้งหลายคราจะเป็นร้านซึ่งมีคิวยาวเหยียดต่อเนื่องเป็นเดือน ๆ นอกจากนี้ ความหิวก็ยังถูกกระตุ้นด้วยเนื้อหาและคำแนะนำมหาศาลบนโซเชียลมีเดีย จึงไม่ได้มีเพียงร้านอาหารชื่อดังเท่านั้นที่ผู้เดินทางต่างพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อจองโต๊ะ “ร้านลับ” ซึ่งเป็นสถานที่โปรดของคนท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน เสิร์ฟเมนูที่ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่นที่ผู้คนมากมายอยากลิ้มลอง โดยหลายครั้งอยู่ในเส้นทางซึ่งคนไม่ค่อยรู้จักกัน ได้กลายมาเป็นร้านซึ่งมีแนวโน้มชวนให้ผู้เดินทางซึ่งต้องการลิ้มรสอาหารท้องถิ่นน้ำลายสอ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เดินทางชาวไทยส่วนใหญ่ จำนวนถึง 85% กล่าวว่าการได้ทานอาหารที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นนั้นเป็นเรื่องสำคัญเมื่อไปทริปวันหยุด ดังนั้น เตรียมกาปฏิทินหาวันหยุดได้เลย เพราะในปีหน้าผู้เดินทางจะเปลี่ยนแผนท่องเที่ยวโดยอิงจุดหมายที่เหมาะกับการไปทานอาหารเป็นหลัก โดยอยากไปดื่มด่ำรสชาติก่อนใคร และต้องการไปเยือนร้านเป็นรายแรก ๆ หรือก่อนที่จะกลายเป็นร้านดังออกสื่อต้องจองโต๊ะไปอีกร้าน

  1. ทางลัดที่จะได้ออกเดินทางระยะยาว

เนื่องจากการเกษียณมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่จะไม่ได้มีเป้าหมายเพียงเพื่อมีอายุถึงจุดหนึ่งและไม่ต้องทำงานแล้ว แต่วางแผนอย่างแข็งขันที่จะเกษียณเร็วขึ้น ในปี 2020 เราจึงจะได้เห็นการวางแผนการเกษียณเป็นเหมือนกับ “การวางแผนเดินทางเพื่อออกผจญภัย” ชาวไทยในช่วงอายุ 18-25 ปี จำนวนมากกว่าหนึ่งในสี่ (28%) กำลังวางแผนที่จะเกษียณก่อนอายุ 55 ปี โดยเรื่องที่วางแผนว่าจะทำก็เปลี่ยนไปเช่นกัน สำหรับปี 2020 ผู้เดินทางจะเปลี่ยนแนวคิดและเริ่มวางแผนครั้งใหญ่หลังเกษียณในอนาคต โดยผู้เดินทางชาวไทย 7 ใน 10 (72%) เห็นว่าการออกเดินทาง หรือท่องเที่ยว เป็นวิธีสุดสมบูรณ์แบบที่จะใช้เวลาว่างจากการเกษียณ

ส่วนผู้เดินทางชาวไทยสามในสี่ (73%) วางแผนที่จะทำให้ทริปโลดโผนขึ้นเมื่อเกษียณแล้ว และมากกว่าหนึ่งในสี่ (28%) ของคนที่เกษียณแล้วก็กำลังวางแผน Gap Year กล่าวคือเอาเวลาไปเที่ยวนานหลายเดือนโดยไม่ให้มีเรื่องอะไรมาขัดจังหวะ ซึ่งเป็นการเดินทางที่ผู้เดินทางชาวไทยเกือบ 3 ใน 4(73%) เห็นพ้องว่าสามารถทำตอนอายุเท่าไรก็ได้  และเนื่องจากการเกษียณและการเดินทางการเป็นเรื่องที่ควบคู่ไปด้วยกันสำหรับกลุ่มคนในหลายช่วงอายุ จึงคาดว่าจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผู้เดินทางสามารถเริ่มกระบวนการวางแผนผ่านเงินเก็บสำหรับ “ทริปหลังเกษียณ” โดยเป็นไปในลักษณะที่เปิดโอกาสให้ผู้เดินทาง ปันเงินไว้สำหรับทริปพักร้อนที่ยาวที่สุดในชีวิต

อายาน เดคก์ (Arjan Dijk) ผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Booking.com กล่าวว่า “เมื่อเราก้าวเข้าสู่ทศวรรษใหม่ เราก็จะได้เห็นธุรกิจในแวดวงการเดินทางพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และฟังก์ชั่นต่าง ๆ เพื่อให้ทุกคนออกไปสัมผัสโลกกว้างได้ง่ายขึ้น อีกทั้งเพื่อตอบสนองต่อนักเดินทางที่ต้องการเที่ยวอย่างยั่งยืนขึ้น อยากรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากขึ้น และเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมากขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำจุดหมายเมืองรองเพื่อช่วยต่อสู้กับปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง ไปจนถึงคำแนะนำด้านการเดินทางที่คัดสรรมาให้มีความเฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น ไปจนถึงทำให้มั่นใจว่ามีตัวเลือกที่พักหลากหลายที่สุดสำหรับลูกค้าทั่วโลก เราต้องการให้แน่ใจว่าผู้เดินทางนั้นมีความพร้อม โดยได้รับการสนับสนุนและตื่นเต้นกับการเดินทางในปี 2020 และหลังจากนี้ไปอีกตราบนานเท่านาน”

ดูรายละเอียดเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเทรนด์ท่องเที่ยวปี 2020 ของ Booking.com ได้จาก https://travelpredictions2020.com

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ

คุณอาทิมา ตันติกุล           อีเมล artima@vero-asean.com       โทร +66 (0)2 684 1551-2

คุณณฤดี ประพันธ์            อีเมล naruedee@vero-asean.com  โทร +66 (0)2 684 1551-2

 

Leave a Reply

Or

Your email address will not be published. Required fields are marked *