ศบค.ชุดใหญ่ เห็นชอบขยายพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ระยะที่ 1 (1-30 พ.ย.) เป็น 15 จังหวัด
วันที่ 14 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (11 ต.ค.) ถึงการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ โดยไม่ต้องกักตัวในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ใน 10 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว ระยะที่ 1 (1-30 พ.ย.)
- กรุงเทพมหานคร
- กระบี่ (ทั้งจังหวัด)
- พังงา (ทั้งจังหวัด)
- ประจวบคีรีขันธ์ (ตำบลหัวหิน หนองแก)
- เพชรบุรี (เทศบาลเมืองชะอำ
- ชลบุรี (พัทยา อำเภอบางละมุง ตำบลนาจอมเทียน ตำบลบางเสร่)
- ระนอง (เกาะพยาม)
- เชียงใหม่ (อำเภอเมือง แม่ริม แม่แตง ดอยเต่า)
- เลย (เชียงคาน)
- บุรีรัมย์ (เมือง)
ล่าสุด ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ ผอ.ศบค. เป็นประธานการประชุม ครั้งที่ 16/2564 (ผ่านระบบ Video Conference) เห็นชอบปรับเพิ่มจังหวัดนำร่องการท่องเที่ยว ระยะที่ 1 เพิ่มมาอีก 5 จังหวัด ดังนี้
- สมุทรปราการ (สนามบินสุวรรณภูมิ)
- หนองคาย (เมือง ศรีเชียงใหม่ ท่าบอ สังคม)
- อุดรธานี (เมือง นายูง หนองหาน ประจักษ์ศิลปาคม กุมภวาปี บ้านดุง)
- ระยอง (เกาะเสม็ด)
- ตราด (เกาะช้าง)
สำหรับเปิดจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว ระยะที่ 2 เริ่มระหว่างวันที่ 1-31 ธันวาคม 2564 โดยใช้เกณฑ์กำหนดพื้นที่นำร่องด้านเศรษฐกิจเป็นเมืองหลักหรือจังหวัดที่มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 15% ของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมด โดยมีสินค้าการท่องเที่ยว ด้านศิลปวัฒนธรรม และเป็นจังหวัดที่มีพรมแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน
ส่วน ระยะที่ 3 เริ่มเปิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป โดยใช้เกณฑ์กำหนดพื้นที่นำร่องด้านเศรษฐกิจจังหวัด ที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ https://www.prachachat.net/general/news-782001