Fri. Apr 19th, 2024
โรงแรม

ชี้เดือนมิถุนายนโรงแรมเปิดแค่ 41% คาดอยู่ต่อได้ไม่ถึง 3 เดือน

ธุรกิจโรงแรมยังอ่วม ! ผลสำรวจเดือนมิถุนายนเผยมีโรงแรมเปิดกิจการปกติแค่ 41% อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 10% ครึ่งหนึ่งรายได้ยังกลับมาไม่ถึง 10% สัดส่วนปิดชั่วคราวยังทรงตัวที่ 19.5% ส่วนใหญ่เตรียมเปิดกิจการอีกครั้งไตรมาสสุดท้ายปีนี้หลังจากปิดชั่วคราวกันมากว่า 1 ปี ยันสภาพคล่องประคองตัวกันต่อได้ไม่ถึง 3 เดือน

แหล่งข่าวจากสมาคมโรงแรมไทย (THA) เปิดเผยว่า สมาคมโรงแรมไทยได้ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม โดยสำรวจจากผู้ประกอบการรวม 220 แห่ง แบ่งเป็นโรงแรมที่พักทั่วไป 200 แห่ง โรงแรม ASQ 17 แห่ง และโรงแรม hospital 3 แห่ง ระหว่างวันที่ 14-27 มิถุนายน 2564 พบว่า ผู้ประกอบการโรงแรมที่พักยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดอย่างต่อเนื่อง

โดยอัตราการเข้าพักโรงแรมในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ปรับขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม อย่างไรก็ตาม ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำมาก โดยเฉพาะภูมิภาคที่พึ่งพารายได้การท่องเที่ยวสูง อีกทั้งส่วนใหญ่ยังมีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจได้ไม่ถึง 3 เดือน

ทั้งนี้ จากการสำรวจโรงแรมที่พักทั่วไปจำนวน 200 แห่ง พบว่าโรงแรมเปิดกิจการปกติ 41% เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมที่มีสัดส่วน 38.2% เปิดให้บริการบางส่วนมากกว่า 50% มีสัดส่วน 9.5% เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมที่มีสัดส่วน 6% เปิดให้บริการบางส่วนน้อยกว่า 50% มีสัดส่วน 30% ลดลงจากเดือนพฤษภาคมที่มีสัดส่วน 35.5% และปิดกิจการชั่วคราว 19.5% ลดลงจากเดือนพฤษภาคมที่มีสัดส่วน 20.3%

ในส่วนของโรงแรมที่ปิดกิจการชั่วคราวนั้นส่วนใหญ่เป็นโรงแรมในภาคใต้ที่ปิดกิจการมาแล้วมากกว่า 1 ปี ซึ่งในจำนวนนี้ 75% ระบุว่ามีแผนจะกลับมาเปิดกิจการอีกครั้งหลังไตรมาส 4/2564 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ยังพบว่าโรงแรมที่เปิดให้บริการตามปกติ (41%) นั้นส่วนใหญ่หรือ 49% ของโรงแรมที่เปิดทั้งหมดรายได้กลับมาไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงวิกฤตโควิด และมีสัดส่วนถึง 73% มีรายได้กลับมายังไม่ถึง 30% และมีสัดส่วนถึง 80.5% ที่รายได้กลับมายังไม่ถึง 50%

สำหรับอัตราการเข้าพักนั้นพบว่าเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาโรงแรมทั่วประเทศมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 10% เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมที่มีสัดส่วน 6% โดยภาคเหนือและภาคใต้มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่ 6% ขณะที่ภาคกลางมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 13.2% และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 13% ทั้งนี้ คาดว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในเดือนกรกฎาคมนี้จะอยู่ในสัดส่วนประมาณ 12% ซึ่งน่าจะมาจากการเข้าพักของโรงแรมในภาคใต้เป็นหลัก

จากผลการสำรวจยังระบุด้วยว่าผู้ประกอบการ 58% มีสภาพคล่องลดลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และ 68% มีสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจได้ไม่เกิน 3 เดือน และ 26% มีสภาพคล่องอยู่ได้ไม่ถึง 1 เดือน และมีกระจายอยู่ในทุกภาคของประเทศ ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ในกลุ่มที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยต่ำกว่ากลุ่มอื่นด้วย

ส่วนโรงแรมที่เป็น ASQ จำนวน 17 แห่งนั้นระบุว่า กลุ่มนี้มีการฟื้นตัวที่ดีกว่าโรงแรมทั่วไปที่ไม่ได้เป็น ASQ โดยพบว่า 33% มีรายได้กลับมาเกิน 50% แล้ว โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 20% สำหรับเดือนมิถุนายน และ 19% สำหรับเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและสูงกว่าโรงแรมที่
ไม่ได้เป็น ASQ

ขณะที่โรงแรม hospital จำนวน 3 แห่ง (กรุงเทพฯ 2 แห่ง และภูเก็ต 1 แห่ง) ระบุว่า ยังไม่ฟื้นตัวนัก โดยทั้ง 3 แห่งรายได้กลับมาไม่ถึง 50% และอัตราการเข้าพักเฉลี่ยก็ลดลงจากเดือนก่อน และใกล้เคียงกับกลุ่มโรงแรม ASQ คือประมาณ 22%

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ยอมรับว่าวิกฤตครั้งนี้รุนแรงที่สุดในชีวิตของผู้ประกอบการและพนักงานโรงแรม แม้จะมีการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันและความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไป

แต่โรงแรมส่วนใหญ่ก็ยังต้องเจอกับภาวะขาดทุนต่อเนื่องมายาวนานถึง 16 เดือนแล้ว แต่ตั้งโควิดแพร่ระบาดรอบแรกเมื่อเดือนมีนาคม 2563 และจากการแพร่ระบาดรอบ 3 เมื่อเดือนเมษายน 2564 ที่ผ่านมา กระทั่งถึงวันนี้ก็ยัง
ไม่สามารถควบคุมได้

นอกจากนี้ รัฐบาลได้ประกาศปิดภัตตาคาร ห้องประชุม และให้หลีกเลี่ยงการเดินทางอีกครั้ง ทำให้โรงแรมจำนวนมากไม่สามารถประกอบธุรกิจได้ แม้ว่าจะมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวในโครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์ก็ตามแต่การกระจายการฉีดวัคซีนยังมีความล่าช้าในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยว ทำให้คาดการณ์กันว่าผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมยังคงต้องแบกภาระหนี้ที่เกิดจากวิกฤตโควิดไปอีกไม่ต่ำกว่า 2 ปี

“อย่างที่เคยบอกว่าธุรกิจโรงแรมตกอยู่ในจุดต่ำสุด ๆ มานานแล้วที่ผ่านมาไม่ได้มีคำสั่งล็อกดาวน์ธุรกิจก็กระทบหนักอยู่แล้ว มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ราว 5-10% เท่านั้น ขนาดรายใหญ่ยังมีปัญหาสภาพคล่อง ยังไม่รู้ว่าจะอยู่กันได้ต่ออีกกี่เดือน ฉะนั้น รายเล็กไม่ต้องพูดถึงอยู่ในไอซียูกันมานานแล้ว” นางมาริสากล่าว

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ https://www.prachachat.net/tourism/news-713046

Leave a Reply

Or

Your email address will not be published. Required fields are marked *