Thu. Apr 25th, 2024

เฟ้นเสน่ห์ใหม่ มัดใจทัวริสต์แดนโรตี

ตลอดปี 2562 ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าตลาด ‘อินเดีย’ เที่ยวไทย ได้รับสารกระตุ้นชั้นดีอย่างมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival : VoA) ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดในเดือนเมษายน 2563

ส่งอานิสงส์ให้ตลาดอินเดียโตหวือหวาทั้งจำนวนและรายได้ ด้วยยอดนักท่องเที่ยวอินเดียกว่า 1.99 ล้านคน เพิ่มขึ้น 24.85% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทำรายได้กว่า 8.63 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.45% หากดูเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยว พบว่ามีมากเป็นอันดับ 3 เป็นรองแค่จีนซึ่งเดินทางมาไทยปีที่แล้ว 11 ล้านคน และมาเลเซีย 4.16 ล้านคน

กระทั่งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเจอวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 เข้าไป ต้องยอมรับว่าผลกระทบตอนนี้ ไม่ได้มีเฉพาะแค่ในตลาดนักท่องเที่ยวจีนเท่านั้น แต่ลามไปถึงนักท่องเที่ยวทุกชาติ ไม่เว้นแม้แต่อินเดีย โดยเฉพาะตลาดกรุ๊ปทัวร์ที่อ่อนไหวชัดเจน จำเป็นต้องเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน ขณะเดียวกันยังกระทบความเชื่อมั่นในการเดินทางของตลาดท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (เอฟไอที) พร้อมจับตาอย่างใกล้ชิดว่าสถานการณ์แพร่ระบาดจะสิ้นสุดเมื่อไร

ก่อนหน้านี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เคยคาดการณ์ไว้ว่าตลอดปี 2563 จะมีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้าไทย 2.2 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีนี้ สร้างรายได้กว่า 9.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกันที่ 10% หากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบการต่อขยายมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม VoA ต่อเนื่อง แต่เป้าหมายดังกล่าวอาจถึงคราวสะดุด เมื่อไวรัสโควิด-19 ถือดีเข้ามาฉุดความมั่นใจในการเดินทางทั่วภูมิภาคเอเชีย

อย่างไรก็ตาม หากมองในระยะยาวแล้ว ตลาดอินเดียยังคงเนื้อหอม ผู้ประกอบการโรงแรมพร้อมกระโจนเข้าทำตลาด ใครไม่เคยก็ต้องพกพาความกล้าเข้าไปทักทายนักท่องเที่ยวจากแดนโรตี เพราะนี่คือหนึ่งในตลาดสำคัญที่จะมาช่วยกระจายความเสี่ยงจากตลาดหลักอื่น ๆ อย่างจีน เกาหลี ญี่ปุ่น อาเซียน และยุโรป ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ดูได้จากคาดการณ์แนวโน้มขององค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) ระบุว่า อินเดียเป็นตลาดที่นักท่องเที่ยวออกเดินทางไปทั่วโลกในอัตราเติบโตสูงสุดรองจากจีน เนื่องจากมีฐานประชากรมากเป็นอันดับที่ 2 ของโลก

โดยคาดว่าในปี 2563 จะมีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเที่ยวต่างประเทศมากถึง 50 ล้านคน และหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมก็คือ ไทย แต่ไทยกลับยังติดข้อจำกัดสำคัญในการขยายตลาดให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด นั่นคือเรื่องของ ‘สิทธิการบิน’ ระหว่างไทยกับอินเดีย เพราะฝั่งสายการบินสัญชาติไทยได้ขยายปริมาณที่นั่งบนเครื่องบินเต็มสิทธิการบินแล้ว ขณะที่สายการบินสัญชาติอินเดียยังพอมีช่องให้โตต่อ เพราะปริมาณที่นั่งบนเครื่องบินในโควต้าของฝั่งอินเดียยังไม่ถึงเพดานสูงสุด โดยทางสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) ต่าง ๆ ที่มีแผนเปิดเส้นทางบินใหม่และเพิ่มเที่ยวบินเข้าไทยมากขึ้น

หลังจากปลายปี 2562 มีรายงานข่าวว่าสายการบินอินดิโก (Indigo) ซึ่งเป็นสายการบินโลว์คอสต์ของอินเดียได้ทำสถิติสั่งซื้อเครื่องบินล็อตใหญ่จากแอร์บัสมากถึง 300 ลำ หากอินดิโกนำเครื่องบินใหม่ที่มีการทยอยรับมอบอย่างต่อเนื่อง มาเพิ่มเที่ยวบินเข้าไทย ก็จะส่งอานิสงส์ให้ดีมานด์นักท่องเที่ยวอินเดียขยายตัวล้อซัพพลาย และหนุนให้ภาพรวมปริมาณเที่ยวบินพาณิชย์จากอินเดียเข้าไทยเติบโตมากขึ้น จากปัจจุบันมี 10 สายการบินให้บริการ จาก 13 เมืองในอินเดีย รวม 311 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็นปริมาณที่นั่งรวมกว่า 6.5 หมื่นที่นั่ง

คุณกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. เล่าว่า ด้านพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวอินเดียปัจจุบันเปลี่ยนไปมากจากภาพจำเดิม ๆ ว่านักท่องเที่ยวอินเดียนิยมหิ้วเครื่องใช้ไฟฟ้า อย่างพวกโทรทัศน์จอใหญ่กลับประเทศ แต่ตอนนี้นิยมซื้อสินค้าแฟชั่น เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ และเครื่องหนัง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ย่านประตูน้ำ เป็นแหล่งชอปปิงที่เต็มไปด้วยคนอินเดีย นอกจากนี้ ยังสนใจเดินทางไปเที่ยวชายทะเลที่เมืองพัทยาและภูเก็ตมากขึ้นด้วย

แม้กระแสการเดินทางของชาวอินเดียในไทยจะยังกระจุกตัวอยู่แค่ไม่กี่เมืองหลัก แต่ ททท. ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มุ่งโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวและสินค้าใหม่ ๆ ด้วยการขยายผลไปยังเมืองรองใกล้เมืองหลักก่อน เช่น พระนครศรีอยุธยา, สมุทรสงคราม, กาญจนบุรี และเขาใหญ่ (นครราชสีมา) ซึ่งใกล้กรุงเทพฯ โดยสองจุดหมาย หลัง โดดเด่นเรื่องแหล่งท่องเที่ยวป่าเขา น้ำตก และรีสอร์ตท่ามกลางบรรยากาศสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้า ตอบโจทย์ความต้องการอากาศสดใส เนื่องจากที่ประเทศอินเดียไม่ค่อยมีป่าไม้มากนัก และประสบปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่น PM 2.5 ในหลาย ๆ เมือง

นอกจากนี้ ยังมีระยอง, จันทบุรี และเกาะช้าง ซึ่งใกล้เมืองพัทยา พร้อมด้วยสมุย และกระบี่ที่ใกล้ภูเก็ต ขณะที่ภาคเหนือ ททท. เองได้เร่งเครื่องโปรโมตเชียงใหม่ ด้วยการส่งเสริมให้มีการเปิดเส้นทางบินตรงมากขึ้น พร้อมแนะนำแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจ รวมถึงอาหารการกินที่น่าจะถูกปากชาวอินเดีย เช่น ข้าวซอย ซึ่งใกล้เคียงกับสไตล์การปรุงอาหารอินเดีย

“ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดีย พร้อมส่งเสริมภาพลักษณ์และเสน่ห์ใหม่ ๆ ของท่องเที่ยวไทย โดยชี้ให้เห็นว่าการเดินทางไปยังเมืองรองของไทยนั้นสะดวกสบาย สภาพถนนดี ไม่มีคำว่าลำบากลำบนแน่นอน และแทบทุกมุมเมืองจะเห็นห้างสรรพสินค้า ร้านค้า และร้านสะดวกซื้อปรากฏเต็มไปหมด” ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าว

ที่มา : นิตยสาร Thai Hotel & Travel Magazine ฉบับเดือน เมษายน – พฤษภาคม 2020

Leave a Reply

Or

Your email address will not be published. Required fields are marked *