ท่ามกลางปัจจัยลบต่างๆ โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและการแข็งค่าของเงินบาท เป็นตัวแปรสำคัญที่ฉุดให้การท่องเที่ยวของไทยในปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวตํ่า และในภาวะโอเวอร์ซัพพลายเช่นนี้ ไม่เพียงธุรกิจจะต้องปรับตัวให้สอดรับพฤติกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น (ตารางประกอบ) แต่จะรักษาตัวอย่างไร เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน “ฐานเศรษฐกิจ” ได้จับประเด็นจากมุมมองของกูรูด้านท่องเที่ยวระดับโลก ที่สะท้อนแง่มุมที่เกี่ยวกับไทยมานำเสนอ
5จุดโฟกัสธุรกิจต้องรับมือ
จากข้อมูล STR นักวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรมโรงแรมระดับโลก มองว่า สิ่งที่การท่องเที่ยวของไทยจะต้องเผชิญในปีนี้ มี 5 เรื่องหลักและในแต่ละเรื่องก็ยังมีโอกาสที่ธุรกิจสามารถนำมาปรับวิธีการทำงาน
เรื่องที่ 1 การเจาะตลาดนักท่องเที่ยวจะต้องมีความหลากหลาย เนื่องจากตลาดจีน จะเติบโตแบบไม่หวือหวา จากปกติจะเติบโต 10-12% ตอนนี้อยู่ที่ 3-5% ซึ่งก็เป็นข้อกังวลของนานาประเทศไม่ใช่แค่ไทยเท่านั้น
เนื่องจากจีนมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานการท่องเที่ยวมากขึ้น คนจีนจึงเดินทางเที่ยวในประเทศมากขึ้น ตามนโยบายของรัฐบาลจีนที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ แต่ก็ยังพบว่าไทยจะมีการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวอินเดีย, ญี่ปุ่น, เกาหลี และสหรัฐอเมริกา ที่ไม่เพียงมองแค่นักท่องเที่ยว แต่ยังพัฒนาเป็นกลุ่มไมซ์ได้
เรื่องที่ 2 ต้องสำรวจทิศ ทางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ เพื่อรับมือต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหลักๆ เป็นเรื่องของการแข็งค่าของเงินบาท ความซบเซาของเศรษฐกิจโลกซึ่งนานกว่าที่คาด ทำให้เกิดอุปสรรคที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว
เรื่องที่ 3 การบริหารจัด การเพื่อรับมือกับซัพพลายใหม่ๆที่เพิ่มขึ้น จากจำนวนห้องพักใหม่ในไทยที่เพิ่มขึ้นกว่า 5 หมื่นห้อง
นายแจสเปอร์ด ปาล์มควิส ผู้อำนวยการประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก STR นักวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรมโรงแรม กล่าวว่า ในปี 2563 จะมีห้องพักในโรงแรมใหม่มากกว่า 5 หมื่นห้องในไทย ขณะที่ห้องพักในกรุงเทพฯมีเพียง 1.5 แห่ง การพัฒนาที่เพิ่มขึ้นนี้จะสร้างแรงกดดันอย่างมากต่อที่ดินและทรัพยากรในประเทศ ในขณะที่ผู้บริหารรุ่นใหม่ ให้ความเห็นว่า แนวคิดการท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม (นิช ทัวริซึม คอนเซ็ปต์) สามารถช่วยให้ไทยประสบความสำเร็จในเชิงบวกและยั่งยืนได้สอดคล้องกับแนวโน้มสังคมและนักเดินทางชั้นนำของโลก
เรื่องที่ 4 ธุรกิจต้องเพิ่มศักยภาพเพื่อขับเคลื่อนผลประกอบการในการดำเนินธุรกิจ โดยจะเห็นว่าในปีที่ผ่านมาโรงแรมในกรุงเทพฯมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% เท่านั้น ขณะที่ ADR (Average Daily Rate)ติดลบอยู่ 1.8% แต่คาดการณ์ว่าในปีนี้หรือปีหน้า โรงแรมในกรุงเทพฯน่าจะมีรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPAR) เติบโตราว 2.2% เพราะไทยยังเป็นประเทศที่น่าสนใจของนักลงทุน
เรื่องที่ 5 ในระยะยาวควรเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมองในเรื่องของกายภาพ กฎระเบียบต่างๆ ความเสี่ยงของตลาด เพื่อวางแผนพัฒนาโรงแรมเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน
ที่มา :ฐานเศรษฐกิจ
https://www.thansettakij.com/content/business/419382
You may also like
-
“เซ็นทารา” จัดโปรฯแรง ข้อเสนอห้องพักฟรี “COSI Celebration” ตลอดเดือน มิ.ย.65
-
เซ็นทาราจัดแคมเปญ Maldives Summer Escape สัมผัสเกาะสวรรค์กลางทะเล
-
Airbnb ผนึก ททท. ลดราคาที่พักในแหล่งธรรมชาติเพิ่ม 500 บาท
-
เอสโฮเทลเปิดแผนลงทุน 3 ปี 7.3 พันล้าน ขยายพอร์ตดันรายได้โต 3 เท่า
-
เจาะเทรนด์ ‘ประสบการณ์’ โรงแรม ยกระดับให้เป็น ‘มากกว่าที่พัก’