Wed. Apr 24th, 2024
สิงคโปร์

งัดจุดขายใหม่ มัดใจนักท่องเที่ยว ‘สิงคโปร์’ Promote New Selling Point to Captivate Singaporean Tourists

‘สิงคโปร์’ ถือเป็นหนึ่งในตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มียอดมาไทยทะลุ 1 ล้านคนต่อปี ทั้งที่มีฐานประชากรเพียง 5.3 ล้านคนเท่านั้น

จากสถิติเมื่อปี 2016 พบว่ามีนักท่องเที่ยวสิงคโปร์เดินทางเข้าไทยกว่า 1,163,309 คน เติบโต 8% เมื่อเทียบกับปี 2015 สร้างรายได้ 40,046 ล้านบาท เพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกัน 8%

ปี 2017 มีจำนวนนักท่องเที่ยวสิงคโปร์มาไทยกว่า 1,259,523 คน เติบโต 8% เมื่อเทียบกับปี 2016 สร้างรายได้ 43,483 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9%

ขณะที่ปี 2018 มีจำนวนนักท่องเที่ยวสิงคโปร์มาไทย 1,168,112 คน ติดลบ 7% เมื่อเทียบกับปี 2017 สร้างรายได้ 42,146 ล้านบาท ติดลบ 3%

ส่วน 9 เดือนแรกของปี 2019 หรือตั้งแต่เดือนมกราคม – กันยายนที่ผ่านมา พบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวสิงคโปร์มาไทยแล้ว 737,212 คน ยังติดลบเล็กน้อย 1.69% สร้างรายได้ 25,570 ล้านบาท ติดลบเพียง 0.71% มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ในกลุ่มประเทศอาเซียนที่เดินทางมาไทย เป็นรองเพียงมาเลเซีย สปป.ลาว และเวียดนาม และเมื่อดูโครงสร้างนักท่องเที่ยวสิงคโปร์แล้ว พบว่าเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (เอฟไอที) มากถึง 90% เลยทีเดียว ทั้งยังนิยมเดินทางมาไทยซ้ำสูงถึง 90%

กลยุทธ์ของการส่งเสริมตลาดสิงคโปร์ของหน่วยงานภาครัฐไทยอย่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงหนีไม่พ้นการรักษายอดนักท่องเที่ยวไม่ให้น้อยไปกว่าเดิมจนถึงสิ้นปี 2019 หรือยังรักษาระดับเกิน 1 ล้านคน เพราะสิงคโปร์ คือ หนึ่งตลาดที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าโลกระหว่างจีนกับสหรัฐเช่นกัน

ด้วยการนำเสนอสินค้าท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวสิงคโปร์ในฐานะการเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์ หรือ ‘Weekend Destination’ เพื่อเพิ่มความถี่การเดินทาง ผ่านการเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ และเซ็กเมนต์การใช้จ่ายที่มีศักยภาพสูง เช่น กลุ่มความสนใจเฉพาะด้านกีฬา ทั้งมาราธอน และกอล์ฟ ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบการท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่นักท่องเที่ยวสิงคโปร์กำลังนิยม ร่วมกับรูปแบบการท่องเที่ยวโดยรถไฟและเรือ การท่องเที่ยวสำหรับผู้สูงอายุ การท่องเที่ยวกับสัตว์เลี้ยง และการเข้าร่วมงานเทศกาลและดนตรี ทั้งนี้กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีอายุน้อยถือเป็นกลุ่มเติบโตสูงและมีขนาดใหญ่ขึ้น โดยสนใจแหล่งท่องเที่ยวในเมืองที่ทันสมัย

ปัจจัยสนับสนุน

สำหรับปัจจัยสนับสนุนของตลาดสิงคโปร์เที่ยวไทย จากรายงานของ GfK’s Travelscan ไตรมาสแรกของปี 2559 ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวสิงคโปร์เดินทางออกนอกประเทศ (Outbound) ขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.7% โดยประเทศจีนเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับ 1 รองลงมา คือ ไทย และ ฮ่องกง ซึ่งแซงหน้าอินโดนีเซียขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ในขณะอัตราการเติบโตของการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นของนักท่องเที่ยวสิงคโปร์ขยายตัวสูงสุดเป็นอันดับ 1 เป็นผลมาจากการอ่อนค่าของเงินเยน และการทำตลาดเชิงรุกของบริษัทนำเที่ยว (Travel Agency) ในพื้นที่

ด้านอมาเดอุส (Amadeus) คาดการณ์ว่า แนวโน้มการเดินทางของนักธุรกิจหญิงจะเพิ่มสูงขึ้น โดยนักธุรกิจหญิงชาวสิงคโปร์จะเดินทางเพิ่มขึ้น 71% ในช่วงปี 2011-2030

นอกจากนี้ ไทยยังได้เปรียบในเรื่องระยะทาง เนื่องจากนักท่องเที่ยวสิงคโปร์สามารถเดินทางได้ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ด้วยปัจจัยหนุนจากจำนวนเที่ยวบินจากสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) ที่มีจำนวนมาก และมีการขยายเส้นทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวหลักอื่น ๆ ในไทยอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 กฎกระทรวงมหาดไทย ปรับหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ได้สิทธิยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว เป็นเวลา 30 วัน ซึ่งจะเดินทางเข้าไทยผ่านช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ ด่านพรมแดนที่เป็นเขตติดต่อพรมแดนทางบก ด้วยการยกเว้นการตรวจลงตรา (ขอวีซ่า) ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อปีปฏิทิน

ขณะเดียวกัน ไทยเป็นจุดหมายที่มีสินค้าการท่องเที่ยวที่หลากหลาย โดยเฉพาะธรรมชาติ ทั้งภูเขาและชายหาดที่สวยงาม ซึ่งสิงคโปร์ไม่มี ประกอบกับรูปแบบการทำงานที่เคร่งเครียดมากขึ้นในสิ่งแวดล้อมที่เป็นตึกและมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในประเทศน้อย ทำให้นักท่องเที่ยวสิงคโปร์นิยมเดินทางท่องเที่ยวบ่อยครั้ง

ปัจจัยที่เป็นอุปสรรค

ด้านปัจจัยที่เป็นอุปสรรคจากตัวเลขภาพรวมช่วง 9 เดือนแรกของปี 2019 ข้างต้น พบว่าทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลดลงจากปัจจัยหลักต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สถานการณ์ก่อน-หลังการเลือกตั้งของประเทศไทย ซึ่งส่งผลกระทบด้านความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวสิงคโปร์ ทำให้มีการชะลอการเดินทาง

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องมลพิษทางอากาศ หรือฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ส่งผลกระทบด้านจิตวิทยาของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว

ค่าเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินสิงคโปร์ จากเดิมที่เคยอยู่ระดับ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อ 24 – 25 บาท ปัจจุบันเหลือเพียง 22 บาท ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายต่อทริประหว่างเดินทางท่องเที่ยวในไทยมีราคาสูงขึ้น

สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ยังคงส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศสิงคโปร์ชะลอตัวลง เนื่องจากสิงคโปร์มีระบบเศรษฐกิจที่ผูกกับทั้งประเทศจีนและสหรัฐ

อีกปัจจัยที่ส่งผลเช่นกัน คือ การทำตลาดเชิงรุกของประเทศคู่แข่ง เช่น ญี่ปุ่น ใช้งบประมาณจำนวนมาก เพื่อโฆษณาให้นักท่องเที่ยวสิงคโปร์เดินทางไปเที่ยวเมืองรองของญี่ปุ่นมากขึ้น อาทิ ซัปโปโร และโอกินาวะ ยิ่งในภาวะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงอย่างมาก ยิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวสิงคโปร์เลือกเดินทางไปญี่ปุ่นมากขึ้น

ด้านเกาหลีใต้ ได้เลือกใช้กลยุทธ์ในการลดราคาตั๋วเครื่องบิน ขณะที่ประเทศในกลุ่มอาเซียน มีการเปิดเส้นทางบินใหม่จากสิงคโปร์ เช่น ไปญาจาง เวียดนาม หรือ หลวงพระบาง สปป.ลาว ทำให้นักท่องเที่ยวสิงคโปร์มีสนใจไปยังแหล่งท่องเที่ยวในเวียดนาม สปป.ลาว และกัมพูชา จากทางเลือกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น สามารถบินตรงไปยังจุดหมายนั้น ๆ ได้เลย ไม่จำเป็นต้องผ่านไทยเหมือนเมื่อก่อน

เป็นไปตามพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวสิงคโปร์ที่ต้องการความแปลกใหม่ในสินค้ามากขึ้น ผู้ประกอบการโรงแรมและรีสอร์ทในไทยจึงต้องเร่งงัดจุดขายใหม่ ๆ มามัดใจนักท่องเที่ยวสิงคโปร์มากขึ้น เพราะนี่คือตลาดที่ยังมีความต้องการท่องเที่ยวและใช้จ่ายดี แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะเผชิญสถานการณ์ความไม่แน่นอน เพียงแต่ต้องพลิกหากลยุทธ์ให้เจอเท่านั้นเอง

ที่มา : นิตยสาร Thai Hotel & Travel Magazine ฉบับเดือน ธันวาคม 2019 – มกราคม 2020

Leave a Reply

Or

Your email address will not be published. Required fields are marked *