Tue. Apr 23rd, 2024
“สมคิด” โยนโจทย์ สั่งเพิ่มรายได้ท่องเที่ยวอีก 1.1 แสน ลบ. อัดยาแรง ดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น-ระยะยาว

“สมคิด” โยนโจทย์ สั่งเพิ่มรายได้ท่องเที่ยวอีก 1.1 แสน ลบ. อัดยาแรง ดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น-ระยะยาว

ทิศทางท่องเที่ยวปี 2559 กับความหวังครั้งสำคัญของรัฐบาล นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความชัดเจนกับนโยบายสร้างรายได้ช่วยให้กับเศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อนต่อไปได้ 

ท่ามกลางสัญญาณปัญหาและมรสุมทางเศรษฐกิจที่รุมเร้าตลอดปีนี้โดยมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ เป็นผู้แม่ทัพคนสำคัญในการเดินหมากคุมชะตาเศรษฐกิจประเทศ

ซึ่งในการมอบหมายนโยบายด้านเศรษฐกิจให้กับนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไปเมื่อเร็วๆ นี้ ใจความสำคัญที่นายสมคิด ระบุนั้น พบว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเสมือนเครื่องยนต์ที่จะช่วยให้เศรษฐกิจประเทศเดินหน้าไปได้ เปรียบเสมือนพระเอกในปีที่ผ่านมา และจะเป็นพระเอกต่อในปีนี้

“ภาคการท่องเที่ยว ต้องลงทุนเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพราะการเติบโตภาคท่องเที่ยวที่ผ่านมา มีการดูแลค่อนข้างน้อย เน้นไปที่จำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่า จึงอยากให้เร่งดำเนินโครงการต่างๆ เช่น โครงการ 1 ตำบล 1 แหล่งท่องเที่ยว หรือหากจังหวัดใดเป็นจังหวัดเล็ก ก็อาจเป็น 1 อำเภอ 1 แหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดทางเลือกใหม่ๆ แก่นักท่องเที่ยว และทำให้คนในพื้นที่ชุมชนมีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มขึ้น เพราะเชื่อว่าแต่ละพื้นที่ มีแหล่งท่องเที่ยวอยู่แล้ว เพียงแต่จะถูกยกระดับให้เป็นพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวมากน้อยเพียงใด รวมถึงพัฒนาสินค้าท่องเที่ยวให้มีมูลค่าสูงมากขึ้นเช่นกัน การร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ในการปรับแก้กฎเกณฑ์ เพื่อเกิดแรงจูงใจแก่นักลงทุนภาคการท่องเที่ยว อาทิ โรงแรม และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง หันมาสนใจลงทุนในเมืองไทยมากยิ่งขึ้น” นายสมคิด กล่าว

ส่วนโครงการระยะสั้น หรือควิกวิน จูงใจให้คนไทยท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น ไปเที่ยวได้ทุกๆ เดือน หากมีรางวัลจูงใจเป็นรางวัลเงินสดประมาณหนึ่งล้านบาท ก็จะทำให้คนไทยเกิดความอยากเที่ยวมากขึ้น แต่แพคเกจรางวัลจะทำอย่างไรก็ได้ แต่ต้องสามารถช่วยให้เกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวไปยังแหล่งอื่นๆ อย่างทั่วถึง ไม่ใช่กระจุกตัวในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง ที่สำคัญต้องเป็นแพคเกจท่องเที่ยวที่ให้คนมีรายได้น้อยสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ด้วย เช่นเดียวกับกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา สปป.ลาว พม่า เวียดนาม) ถือเป็นตลาดสำคัญที่จะช่วยผลักดันรายได้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเกินเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้นอาจเป็นไปได้ที่จะขอความร่วมมือกับสายการบินของไทย เช่น การบินไทย บางกอกแอร์เวย์ ตลอดจนสายการบินต่างชาติ ช่วยทำการตลาด เพื่อดึงจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น ผ่านสิทธิพิเศษจูงใจ เช่น ลดค่าธรรมเนียมการลงจอดเครื่องบิน(แลนด์ดิ้ง ฟี) ให้ หรือแม้แต่มาตรการท่องเที่ยวช่วงพลบค่ำ เช่น หยิบยกโครงการที่เคยทำในอดีตมาปัดฝุ่น อย่างการประดับไฟตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ เพื่อให้เกิดทางเลือกและเพิ่มจำนวนรอบด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ในลักษณะ จ่ายเท่าเดิม แต่เพิ่มรอบท่องเที่ยวมากขึ้น

ด้านนางกอบกาญจน์ ในฐานะหัวเรือใหญ่ ไม่ได้หยุดนิ่งที่จะพัฒนาภาคการท่องเที่ยวไทย ในบรรยากาศที่ภาคการส่งออก ซึ่งเป็นส่วนผลักดันเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ เพราะก่อนหน้า ภาคการส่งออกยอมรับแล้วว่าทั้งปี 2559 นี้ ส่งออกของไทยคงเติบโตไม่เกิน 2 % จากปีที่ผ่านมาซึ่งติดลบถึง 5.5 % และยังเน้นย้ำอีกว่า หากไตรมาสแรกโตไม่ถึง 2 % เท่ากับว่าโอกาสที่การเติบโตตลอดทั้งปี 2559 จะไม่ถึง 2 % เป็นเรื่องที่ต้องลุ้นอย่างหนักหน่วง ส่งผลให้นางกอบกาญจน์ ขานรับนโยบายของนายสมคิด ด้วยการดันรายได้ผ่านเป้าหมายใหม่ 2.41 ล้านล้านบาท จากเดิมปีนี้คาดเป้าหมายรายได้ 2.3 ล้านล้านบาท ถึงแม้ปัจจัยจากเศรษฐกิจจีนจะเริ่มถดถอย แต่กระทรวงได้บริหารจัดการความเสี่ยง ผ่านนโยบายเน้นจำนวนนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศอาเซียนและตลาดคนไทยเป็นตลาดลำดับแรก ขณะเดียวกันไม่ทิ้งที่จะมุ่งทำการตลาดกับกลุ่มประเทศยุโรป รวมถึงรัสเซียซึ่งมีแนวโน้มดีขึ้น ขณะเดียวกันเตรียมปั้นตลาดใหม่ เช่น สาธารณรัฐเช็ก คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน เพราะรายได้ของประชากรอยู่ในอัตราสูง นั่นหมายความว่า กำลังซื้อก็จะมีโอกาสสูงตามไปด้วย

ปี 2558 ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวตลาดอาเซียนเดินทางมาเที่ยวไทยราว 7 ล้านคน ใกล้เคียงกับนักท่องเที่ยวชาวจีน ดังนั้น นักท่องเที่ยวกลุ่มอาเซียนจึงมีโอกาสเติบโตอีกมาก เพราะเป็นกลุ่มรายได้ปานกลางเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และนโยบายสำคัญที่ต้องทำควบคู่กันไป คือ ต้องสร้างสินค้าท่องเที่ยวใหม่ๆ ตลอดจนออกมาตรการที่เข้ากับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวปัจจุบัน เช่น เตรียมออกแพ็กเกจท่องเที่ยวเพื่อรองรับกำลังทรัพย์ที่น้อยลง เช่น ลดจำนวนวันในการพำนักจาก 7 วัน เหลือ 5 วัน จากโรงแรม 5 ดาว ลดลงเหลือ 4-3 ดาว

หรือแม้แต่นโยบายเชิงโครงสร้าง ผ่านแนวทางจัดตั้งกรมใหม่ คือ กรมเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เพื่อให้ดูแลเรื่องการพัฒนาเขตการท่องเที่ยวทั้ง 8 คลัสเตอร์อย่างลงลึก จากเดิมที่มีเพียงกรมการท่องเที่ยว เพราะมองว่าปัจจุบันกรมการท่องเที่ยวมีนโยบายการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ทั่วไป แต่ยังไม่สามารถทำงานให้ครอบคลุมจำนวนจังหวัดในแต่ละคลัสเตอร์ได้จริงๆ แนวคิดนี้ต้องหารือกับสำนักงบประมาณถึงงบประมาณในการจัดตั้ง รวมถึงจำนวนข้าราชการ โดยหน้าที่เดิมของกรมการท่องเที่ยว ที่เน้นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอาจจะถูกรวมไว้ที่กรมใหม่ และให้กรมการท่องเที่ยวทำหน้าที่ด้านการพัฒนาบุคลากร เช่น มัคคุเทศก์ (ไกด์) บริษัทนำเที่ยวต่างๆ ฯลฯ แทน

ขณะที่นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. ตอบรับแนวคิดนายสมคิด ผ่านการจัดโครงการเที่ยวช่วยไทย ในรูปแบบกระตุ้นให้คนไทยใช้จ่ายภาคการท่องเที่ยวผ่านบริษัททัวร์และการท่องเที่ยวด้วยตัวเอง(เอฟไอที) รวมถึงค่าใช้จ่ายโรงแรม และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อลุ้นเงินรางวัลสูงสุดเดือนละ 1 ล้านบาท รวมถึงรางวัลอื่นๆ เพื่อกระตุ้นให้คนไทยอยากท่องเที่ยวมากขึ้น นอกจากนี้ ต้องจัดงานบิ๊กอีเวนท์ในช่วงวันหยุดยาว หรือ เป็นรายไตรมาส เพื่อดึงดูดให้คนไทยยังคงท่องเที่ยวในประเทศไทย แทนการไปเที่ยวต่างประเทศ เบื้องต้นคาดว่า จะมีทั้งการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬา การจัดถนนคนกิน เพระประเทศไทยมีชื่อเสียงด้านอาหารที่มีรสชาติอร่อย

ในมุมมองภาคเอกชน ต่อทิศทางการท่องเที่ยวในปีนี้ ผ่านนายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือสทท. ประเมินนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้อาจแตะ 32.54 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8% จากปี 2558 เห็นว่ามีความเป็นไปได้สูง เพราะมีปัจจัยบวกจากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี การขยายตัวของสายการบินต้นทุนต่ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดการเชื่อมโยงการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งตลาดอาเซียนในปี 2559 มีแนวโน้มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะตลาดมาเลเซียที่เดินทางมาไทยเป็นอันดับ 1 ของตลาดอาเซียน รวมถึงตลาดมาแรงอย่างเวียดนาม มีจำนวนประชากรสูงถึง 90 ล้านคน เช่นเดียวกับลาว และอินโดนีเซียซึ่งเป็นตลาดที่น่าสนใจซึ่งนอกจากเป็นการเปิดตลาดการท่องเที่ยวให้กว้างขึ้นแล้ว ยังทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานที่จะเป็นผลต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย ที่ในขณะนี้กำลังประสบปัญหาแรงงานในภาคการท่องเที่ยวขาดแคลน ทั้งนี้ สิ่งที่สทท. ต้องการให้รัฐบาลเดินหน้าอย่างจริงจังกับการแก้ปัญหาโรงแรมที่ไม่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ถือเป็นอุปสรรคต่อการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าประเทศอย่างมาก

จากนโยบาย แม่ทัพใหญ่ วันนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างขานรับ และนำไปกำหนดเป็นแผนปฏิบัติงานตามที่กล่าวมา เพื่อความหวังหลักของหน่วยงานรัฐที่ต้องการสร้างรายได้จากท่องเที่ยว ขึ้นเป็นฟันเฟืองหลักในการช่วยผลักดันเศรษฐกิจในปีหนุมานนี้ให้ทะยานขึ้นอย่างมั่นคงบนพื้นที่ฐานการกระจายหลายได้อย่างทั่วถึง แต่ความหวังนี้จะถึงฝั่งหรือตกเหว ยังคงมีอีกหลายปัจจัยลบที่คาดไม่รออยู่ข้างหน้า ส่วนคนไทยคงยังต้องให้ความหวังกันต่อไปว่า ยาที่คิดและปรุงโดยนายสมคิดครั้งนี้ จะถูกกับโรคไม่มากก็น้อย

Leave a Reply

Or

Your email address will not be published. Required fields are marked *