Fri. Mar 29th, 2024
ไฮซีซั่น

จับชีพจรไฮซีซั่น ‘ท่องเที่ยวไทย’ ลุ้นเปิดประเทศต่อลมหายใจโรงแรม

กำลังเข้าสู่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและโรงแรมต่างคาดหวังว่าฤดูกาลท่องเที่ยวหรือ ‘ไฮซีซั่น’ ที่กำลังเดินทางมาถึง จะเป็นไฮซีซั่นอย่างที่ควรจะเป็น อย่างน้อยก็สำหรับตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ

หลังจากวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการการเดินทางภายในประเทศ สายการบินสามารถกลับมาทำการบินเข้าออกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ได้อีกครั้ง โดยเฉพาะกรุงเทพฯ แน่นอนว่าในช่วงแรกนักท่องเที่ยวคนไทยอาจจะยังระมัดระวัง และเลือกเดินทางด้วยการขับรถไปยังจุดหมายระยะใกล้

หากการจัดสรร ‘วัคซีน’ เป็นไปตามที่รัฐบาลประกาศไทม์ไลน์ล่าสุดว่า ในเดือนกันยายนนี้จะมีการจัดสรรวัคซีนอีกประมาณ 16 ล้านโดส เดือนตุลาคม 24 ล้านโดส ส่วนเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมเดือนละ 23 ล้านโดส ก็น่าจะทำให้คนไทยกลับมามั่นใจ กล้าออกเดินทางท่องเที่ยวกันอีกครั้ง หนุนให้ช่วงไฮซีซั่นที่กำลังจะมาถึงนี้ไต่ระดับสู่จุดพีคเหมือนเมื่อเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2563 ก่อนเผชิญการระบาดระลอก 2 เมื่อปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว

หวังได้อานิสงส์จากโครงการ ‘เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3’ และโครงการ ‘ทัวร์เที่ยวไทย’ มาช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของคนไทยช่วงไฮซีซั่น คาดว่าจะเริ่มเปิดให้ประชาชนจองสิทธิ์ได้ภายในเดือนกันยายนนี้ และเปิดให้เดินทางได้ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมนี้

ส่วนตลาดท่องเที่ยวจากต่างประเทศ เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังคงยืนยันแผนเดินหน้าสู่ ‘การเปิดประเทศ’ ภายใน 120 วัน ตามแถลงการณ์เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา

คุณพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ฉายภาพรวมไทม์ไลน์การเปิดประเทศล่าสุดว่า หลังจากรัฐบาลได้นำร่องเปิดประเทศด้วยการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ในระยะที่ 1 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – กันยายน 2564 คิกออฟโครงการ ‘ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์’ เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ต่อด้วยโครงการ ‘สมุย พลัส โมเดล’ เริ่มวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา และโมเดล ‘7+7 Phuket Extension’ ให้นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวเชื่อมโยงภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์หลังพำนักครบ 7 คืน สู่พื้นที่นำร่องใน 3 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า), กระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เล) และพังงา (เขาหลัก เกาะยาว) อีก 7 คืน เมื่ออยู่ครบ 14 คืนตามโมเดลนี้ สามารถไปเที่ยวพื้นที่อื่น ๆ ในประเทศไทยได้

ขณะที่การเปิดเมือง บุรีรัมย์ จำเป็นต้องพับแผน ชะลอออกไปก่อน เนื่องจากเงื่อนไขสำคัญที่ผูกกับการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวอย่างการจัดการแข่งขันโมโตจีพี ถูกเลื่อนออกไปจัดในปี 2565 แทน จากเดิมมีกำหนดจัดแข่งในเดือนตุลาคมปีนี้

สำหรับการเปิดประเทศระยะที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป จะเปิดเพิ่มอีก 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ (อำเภอเมือง อำเภอแม่ริม อำเภอแม่แตง อำเภอดอยเต่า) ประจวบคีรีขันธ์ (พื้นที่หัวหิน) เพชรบุรี (พื้นที่ชะอำ) ชลบุรี (เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง อำเภอสัตหีบ) ส่วนกรุงเทพฯ ซึ่งต้องเปิดพ่วงปริมณฑล ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายมาก คาดว่าจะเริ่มเปิดได้วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป เนื่องจากต้องเร่งฉีดวัคซีนแก่ประชากรในปริมณฑลให้ถึงเกณฑ์ไม่ต่ำกว่า 70% ของการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ขณะที่กรุงเทพฯ คาดว่าประชากรจะได้รับวัคซีนครบ 2 โดสไม่ต่ำกว่า 70% ในสิ้นเดือนกันยายนนี้

ระยะที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป จะเปิดเพิ่ม 25 จังหวัดครอบคลุมทั่วประเทศ ภาคเหนือ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย แพร่ น่าน ลำพูน และสุโขทัย, ภาคอีสาน ได้แก่ อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ อุบลราชธานี เลย (เชียงคาน) ขอนแก่น และนครราชสีมา, ภาคตะวันออก ได้แก่ ระยอง (เกาะเสม็ด) จันทบุรี และตราด (เกาะกูด เกาะช้าง), ภาคตะวันตก ได้แก่ ราชบุรี และกาญจนบุรี, ภาคใต้ ได้แก่ ระนอง ตรัง สตูล สงขลา นครศรีธรรมราช และพัทลุง, ภาคกลาง คือ พระนครศรีอยุธยา

“แนวทางของการเปิดประเทศระยะที่ 3 จะมุ่งเปิดอีก 25 จังหวัดเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวเชื่อมโยงจากพื้นที่นำร่องในเมืองท่องเที่ยวหลักซึ่งเปิดไปก่อนหน้านี้ได้ เช่น เมื่อเที่ยวภูเก็ต สมุย หรือเชียงใหม่ ครบ 7 วันแล้ว สามารถไปเที่ยวในอีก 25 จังหวัดได้ คล้ายกับโมเดล 7+7 ภูเก็ต เอ็กซ์เทนชั่น เพื่อขอให้รัฐบาลเร่งนำวัคซีนไปเติมในจังหวัดเหล่านี้ให้เต็มพื้นที่ เปรียบเสมือนการเปิดไปแล้วครึ่งประเทศ”

ระยะที่ 4 ภายในวันที่ 1 – 15 มกราคม 2565 ทำ ‘บับเบิล’ ระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ในพื้นที่ชายแดนต่าง ๆ ติด 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา นำร่องทำบับเบิลกับพื้นที่สุรินทร์ (ช่องจอม) สระแก้ว (อรัญประเทศ) ตราด (เกาะกง), เมียนมา กับพื้นที่เชียงราย (แม่สอด ท่าขี้เหล็ก) ระนอง (เกาะสอง), สปป.ลาว กับนครพนม หนองคาย มุกดาหาร และ มาเลเซีย กับยะลา (เบตง) นราธิวาส (สุไหงโกลก) สงขลา (ด่านนอก ปาดังเบซาร์) สตูล (วังประจัน)

“การเริ่มเปิดชายแดนทำบับเบิลดึงนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้าน จะเป็นจุดเริ่มต้นสร้างความสนใจให้แก่การเปิดประเทศของไทย หลังจากรัฐบาลต้องเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนแก่ประชากรให้ได้ไม่น้อยกว่า 70% ของประชากรทั้งหมดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ภายในสิ้นปี 2564 ตามที่ได้ประกาศไว้ และมีการติดตามสถานการณ์ในช่วง 14 วันถัดมาก่อนเริ่มคิกออฟเปิดประเทศระยะที่ 4 ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2565 เป็นต้นไป ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ๆ ได้เช่นกัน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าว

ขอบคุณภาพโดย Freepik – <a href=”https://www.freepik.com/photos/travel”>Travel photo created by freepik – www.freepik.com</a>

Leave a Reply

Or

Your email address will not be published. Required fields are marked *